ยังคงมีข้อกังขากับเงินคริปโต

ยังคงมีข้อกังขากับเงินคริปโต

โดย…ทนง ขันทอง

ราคาของบิตคอยน์ร่วงลงมาอยู่ที่ 54,548 ดอลลาร์สหรัฐ หลังจากทำระดับพีคที่ 61,683 ดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา บิตคอยน์เคยลงไปต่ำระดับ 4,981 ดอลลาร์สหรัฐ สะท้อนให้เห็นความผันผวนของราคาอย่างรุนแรง

ล่าสุด ธนาคารสิงคโปร์ ซึ่งเป็นบริษัทลูกของธนาคารโอซีบีซีของสิงคโปร์ ได้มีรายงานว่า เงินคริปโตมีโอกาสที่จะมาแทนทองคำในแง่ของการเป็นที่รักษาค่า (store of value) แต่กว่าจะถึงจุดนั้น เงินคริปโตต้องก้าวข้ามความผันผวนในเรื่องราคา การยอมรับของทางการในเรื่องกฎเกณฑ์ และความเสี่ยงด้านชื่อเสียง

ที่สำคัญ นักลงทุนต้องการสถาบันการเงินที่น่าเชื่อถือ ที่สามารถเก็บรักษาเงินคริปโตได้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้ สภาพคล่องจำต้องเพิ่มอย่างมากเพื่อลดความผันผวนของราคาลงสู่ระดับที่บริหารจัดการได้

ราคาที่สูงขึ้นของบิตคอยน์ และเงินคริปโตในช่วงระยะ 1 ปีที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักลงทุนสถาบันเริ่มให้ความสนใจในเงินคริปโตมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะบิตคอยน์ที่มีขนาดมาร์เก็ตแคปมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐไปแล้ว

แต่สัญญาณที่ไม่ชัดเจนจากทางการไม่ว่าจะเป็น เจเน็ต เยลเลน รมว.คลังสหรัฐฯ ที่ออกมาเตือนว่าบิตคอยน์มีความผันผวน ไม่เหมาะสำหรับทำธุรกรรม และอาจถูกใช้ในการฟอกเงินก็ได้ หรืออินเดียที่กำลังพิจารณาออกกฎหมายเพื่อแบนการถือครอง การซื้อขาย การทำธุรกรรมบิตคอยน์ ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ยังรู้สึกคลางแคลงใจ หรือไม่มั่นใจว่าจะกระโดดเข้าไปในตลาดคริปโตดีหรือไม่

Martin Armstrong นักวิเคราะห์เมกะเทรนด์ เชื่อว่า ผู้มีอำนาจควบคุมระบบการเงินกำลังปล่อยให้เงินคริปโตทำราคาสูงขึ้น เพื่อให้คนเชื่อว่าเงินคริปโตดีกว่าเงินสด

เขาบอกว่า ตามรูปการณ์แล้ว รัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมการที่จะยกเลิกเงินสด และจะให้ประชาชนหันมาถือเงินดิจิทัลแทน เพื่อรับมือกับวิกฤติเศรษฐกิจและการเงิน และสกัดไม่ให้ประชาชนตุนเงินสด ค้าขายในเศรษฐกิจใต้ดินโดยไม่จ่ายภาษี

เมื่อรัฐบาลใช้วิธียกเลิกเงินสด และให้มีการใช้เงินดิจิทัลแล้ว จะทำให้ประชาชนถอนเงินสดมาเก็บที่บ้านไม่ได้ ในขณะเดียวกันรัฐบาลสามารถล่วงรู้ หรือควบคุมการใช้เงินของประชาชนได้ 100% ที่สำคัญจะเรียกเก็บภาษีเท่าใดก็ได้ โดยที่ประชาชนไม่มีทางขัดขืน

Armstrong บอกต่อไปว่า ราคาของบิตคอยน์ที่พุ่งขึ้นมาเป็นเรื่องจิตวิทยามากกว่า เพื่อให้คนคุ้นกับเงินดิจิทัลที่จะนำออกมาใช้ในอนาคต

บทความของ State Street Global Advisors รายงานว่า แม้ว่าบิตคอยน์จะเป็นผู้นำเงินคริปโตในเวลานี้ แต่ไม่มีหลักประกันว่าจะเป็นอย่างนั้นตลอดไป

ถ้าหากนักลงทุนสถาบันต้องการลงทุนในบิตคอยน์ ควรที่จะกระจายการถือครองเงินคริปโตอื่นๆ ผ่าน Commodity Trading Advisors หรือเฮดจ์ฟันด์อื่นๆ ที่เกาะติดตลาดเงินคริปโตแบบเรียลไทม์ และให้คำแนะนำในเรื่องบริหารจัดการด้านความเสี่ยง

State Street Global Advisors บอกต่อไปว่า พอร์ตการลงทุนใดๆ ควรต้องมีตัวผลักดัน (drivers) และความสัมพันธ์ (relationships) ที่รับรู้ได้เพื่อช่วยประเมินสภาพแวดล้อมว่าทรัพย์สินนั้นจะมีราคาดีขึ้น หรือแย่ลงอย่างไร

ระหว่างนี้ State Street Global Advisors ขอฟังเพลงรอไปก่อนว่าเงินคริปโตจะมีพัฒนาการต่อไปอย่างไร