สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า กลุ่มนักลงทุนซึ่งบริหารสินทรัพย์รวมกัน 11 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ออกมาเรียกร้องให้ธนาคารต่างๆ ตั้งเป้าหมายการปล่อยมลภาวะที่เข้มงวดมากขึ้น โดยข้อเรียกร้องนี้เกิดขึ้นก่อนการประชุมผู้นำโลกที่มีเป้าหมายเพื่อเร่งความพยายามในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
กลุ่มนักลงทุนนี้ ครอบคลุม นักลงทุนตราสารหนี้รายใหญ่ที่สุดในโลก บริษัทจัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษด้วย พวกเขาระบุว่า ต้องการให้ผู้ปล่อยกู้มีการกำหนดเรื่องการลดปล่อยก๊าซคาร์บอนในระดับที่สูงขึ้นในหนังสือสัญญากู้ยืม
ขณะที่ ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลกจำนวนหนึ่งออกมาระบุว่า พวกเขามีความทะเยอทะยานที่จะไปถึงเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ภายในปี 2050 แต่หลายรายยังไม่เจาะจงว่าพวกเขามีแผนงานอย่างไรและยังคงให้เงินทุนกับกิจกรรมที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างหนัก
“ปัญหาที่เราเผชิญวันนี้ คือ ธนาคารจำนวนมากกำลังล้มเหลวในการพิจารณาอันตรายที่เกิดกับสภาพภูมิอากาศ เมื่อพวกเขาตัดสินใจให้เงินทุน และเงินจำนวนมากถูกใส่ไปในกิจกรรมที่ใช้ก๊าซคาร์บอน เราจึงมองว่ามีความจำเป็นต้องถอยห่างจากสิ่งที่ทำอยู่นี้” Natasha Landell-Mills หัวหน้าผู้ดูแล Sarasin & Partners กล่าว
ทั้งนี้ สหรัฐฯ เตรียมเป็นเจ้าภาพจัดประชุมผู้นำด้านสภาพภูมิอากาศวันที่ 22-23 เม.ย. นี้ ซึ่งกลุ่มนักลงทุน ระบุว่า พวกเขาต้องการให้ธนาคารเร่งความพยายาม รวมถึงตั้งเป้าหมายให้เกิดการสร้างมลภาวะเป็นศูนย์ภายในกลางศตวรรษนี้
ขณะที่ คณะกรรมการกำหนดค่าตอบแทนของธนาคารควรจะแน่ใจว่าการจ่ายเงินผันแปรจะขึ้นอยู่กับการบรรลุเป้าหมาย และความเสี่ยงด้านสภาพอากาศควรรวมอยู่ในหนังสือของผู้ปล่อยกู้
มีธนาคารจำนวนหนึ่งที่ระบุแล้วว่า พวกเขาวางแผนเพิ่มการลงทุนในพลังงานสีเขียว และกิจกรรมอื่นๆ ที่จะช่วยเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ แต่กลุ่มนักลงทุน ระบุว่า มีความจำเป็นมากขึ้นและการใช้จ่ายดังกล่าวไม่ควรนำมาหักล้างกับการปล่อยกู้ให้กับโครงการที่ไม่สะอาด