Highlight
- ตลาดหุ้นอินเดีย ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วจนถึงกลางไตรมาสที่ 1/2021 ดัชนีปรับตัวขึ้น เงินไหลเข้าตลาดอินเดียมากเป็นประวัติการณ์ ตั้งแต่ เม.ย. 2020 ถึง มี.ค. 2021 (FY2021) มีเงินไหลเข้าประมาณ 37 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในไตรมาส 1/2021 ผลตอบแทนดัชนี Nifty เพิ่มขึ้น 5.19% ขณะที่ MidCap Index เพิ่มขึ้น 13.81%
- กองทุนลงทุนมากกว่าดัชนีในกลุ่ม Industrials สถาบันการเงินและการแพทย์ มีมุมมองเชิงบวกกับบริษัทประกัน และเชื่อว่าธนาคารจะฟื้นตัวได้ดี ไม่กังวลเรื่องหนี้เสีย เพราะธนาคารมีการตั้งสำรองที่ดีตั้งแต่โควิดรอบแรก
- ผลการดำเนินงานที่ดีของกองทุนส่วนหนึ่งมาจากการเลือกหุ้นใน Mid-Small Cap เพราะช่วงที่ผ่านมาให้ผลตอบแทนดีกว่า Large Cap
- ปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นอินเดีย มีหลายปัจจัย ได้แก่ นโยบายการเงินการคลังที่พร้อมจะกระตุ้นเศรษฐกิจ การแจกจ่ายวัคซีนที่เร่งตัวขึ้นรวมถึงการที่ผู้ติดเชื้อมีภูมิคุ้มกันเองด้วย และกำไรของบริษัทจดทะเบียนมีแนวโน้มดีซึ่งจะรับอานิสงส์จากดีมานด์โลกที่เพิ่มขึ้น
ภาพรวมตลาด
การระบาดของโควิด-19 ระลอกสองในอินเดียเริ่มตั้งแต่กลาง มี.ค. 2021 และรุนแรงขึ้นจนปลายเม.ย. จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นถึงวันละมากกว่า 3 แสนคนต่อวัน ภาครัฐเร่งอัตราการฉีดวัคซีนจากวันละ 3 ล้านคนเป็น 4 ล้านคน ซึ่งได้รับวัคซีนจากสหรัฐฯ อิสราเอลและอังกฤษ ทำให้มีผู้ได้รับวัคซีนแล้ว 15% ของประชากรทั้งหมด แต่เมื่อรวมผู้ติดเชื้อที่จะมีภูมิคุ้มกันเองแล้ว ทำให้ ณ สิ้นเม.ย. นี้ ประชากรมีภูมิคุ้มกันแล้วมากกว่า 35% ของประชากรทั้งหมด
ตลาดหุ้นอินเดีย ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วจนถึงกลางไตรมาสที่ 1/2021 ดัชนีปรับตัวขึ้น เงินทุนไหลเข้าตลาดอินเดียมากเป็นประวัติการณ์ ตั้งแต่ เม.ย. 2020 ถึง มี.ค. 2021 (FY2021) มีเงินไหลเข้าประมาณ 37 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในไตรมาส 1/2021 ผลตอบแทนดัชนี Nifty เพิ่มขึ้น 5.19% ขณะที่ MidCap Index เพิ่มขึ้น 13.81%
พอร์ตการลงทุน
ผู้จัดการกองทุนหลัก เชื่อมั่นว่า ปัจจัยจากโควิดเป็นปัจจัยระยะสั้นต่อตลาดหุ้น และประเด็นโควิดจะคลี่คลายไปได้เร็วๆ นี้ บริษัทจดทะเบียนในอินเดียมีแนวโน้มเติบโตสูงจากการเติบโตของเศรษฐกิจโลก กำไรของกิจการในปี 2021 และ 2022 คาดว่าจะประมาณ 12% และ 30% ตามลำดับ
กองทุนให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเติบโตของการบริโภคในประเทศและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
ในส่วนกลุ่มอุตสาหกรรม กองทุนลงทุนมากกว่าดัชนีในกลุ่ม Industrials สถาบันการเงินและการแพทย์ โดยมีการลดน้ำหนักในส่วนสถาบันการเงินเล็กน้อยจากโควิดรอบสอง แต่ยังคงมีมุมมองเชิงบวกกับบริษัทประกัน และเชื่อว่าธนาคารจะฟื้นตัวได้ดี ไม่กังวลเรื่องหนี้เสีย เพราะธนาคารมีการตั้งสำรองที่ดีตั้งแต่โควิดรอบแรกแล้ว
กองทุนลงทุนในหุ้น Large Cap 61% Mid Cap 23% และ Small Cap 16% ซึ่งผลการดำเนินงานที่ดีของกองทุนส่วนหนึ่งมาจากการเลือกหุ้นใน Mid-Small Cap เพราะช่วงที่ผ่านมาให้ผลตอบแทนดีกว่า Large Cap
มุมมองในอนาคต
ปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นอินเดีย มีหลายปัจจัย ได้แก่ นโยบายการเงินการคลังที่พร้อมจะกระตุ้นเศรษฐกิจ การแจกจ่ายวัคซีนที่เร่งตัวขึ้นรวมถึงการที่ผู้ติดเชื้อมีภูมิคุ้มกันเองด้วย และกำไรของบริษัทจดทะเบียนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากดีมานด์โลกที่เพิ่มขึ้น
ปัจจัยเสี่ยงต่อตลาดหุ้นอินเดียอยู่ที่การควบคุมการแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นในขณะนี้ อินเดียมีแรงกดดันจากต่างประเทศให้ประกาศ National Lockdown เพื่อหยุดการแพร่ระบาด และยิ่งสถานการณ์ยืดเยื้ออาจจะส่งผลกระทบต่อการปรับลดการคาดการณ์ตัวเลขทางเศรษฐกิจ เช่น GDP กำไรบริษัทจดทะเบียน เป็นต้น
กองทุนหลัก คาดว่า ผลกระทบของโควิดรอบใหม่ จะค่อยๆ ดีขึ้นกลางเดือน พ.ค. นี้ ซึ่งน่าจะกระทบต่อ GDP น้อยกว่า 1% และมีมุมมองบวกต่อตลาดหุ้นในระยะถัดไป โดยเฉพาะในกลุ่มการเงิน ประกัน และกลุ่มส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์
ผลการดำเนินงานของกองทุน B-BHATARA ณ 31 มี.ค. 2564
ข้อมูลกองทุนหลัก RAMS Equities Portfolio Fund – India Equities Portfolio Fund ณ 31 มี.ค. 2564
Disclaimer: เอกสารนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยการรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ ทั้งนี้ บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องครบถ้วน หรือความสมบูรณ์ของข้อมูลดังกล่าวได้ และบริษัทฯ อาจเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า เอกสารนี้ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน มิได้มีวัตถุประสงค์ชักชวน ชี้นำ ให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจลงทุนทางการเงิน หรือการตัดสินใจในทางธุรกิจแต่อย่างใด ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังและวิจารณญาณจากการใช้ข้อมูลบางส่วนหรือทั้งหมดของเอกสารฉบับนี้ ผู้ลงทุนต้องศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนการตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต