กองทุน B-FINTECH เหมาะสำหรับนักลงทุนประเภทใด?

กองทุน B-FINTECH เหมาะสำหรับนักลงทุนประเภทใด?

โดย…ทนง ขันทอง

กองทุนเปิดบัวหลวงฟินเทค หรือ B-FINTECH ซึ่งจะทำการเสนอขายในวันที่ 10-16 มิถุนายนนี้ จะลงทุนผ่านหน่วยลงทุนของ BGF Fintech Fund ซึ่งเป็นกองทุนที่อยู่ภายใต้ร่มของ BlackRock Global Funds หรือมีชื่อเรียกย่อว่า BGF

BGF เป็นบริษัทลงทุนแบบ open-ended จดทะเบียนในลักซัมเบิร์ก มีกองทุนภายใต้การบริหารมากกว่า 100 กอง โดยทรัพย์สินที่ลงทุนมีความหลายหลากไม่ว่าจะเป็นหุ้น ตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนสูง สินทรัพย์ผสม (multi-asset) พลังงาน เฮลแคร์ เทคโนโลยี ทอง เหมืองแร่ อสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ และลงทุนในตลาดต่างๆ ที่ครอบคลุมทั้งโลก ไม่ว่าจะเป็นอาเซียน เอเชีย จีน อินเดีย ญี่ปุ่น ตลาดเกิดใหม่ ยุโรป สหรัฐอเมริกา รวมท้ังตลาดโลก

BGF Fintech Fund เป็นหนึ่งในกองทุนย่อย (sub-fund) ภายใต้การบริหารของ BGF ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ BlackRock Inc ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในนิวยอร์ค

นาย Vasco Moreno เป็นผู้จัดการกองทุน BGF Fintech Fund มีประสบการณ์ด้านการวิเคราะห์และการลงทุนมาเป็นเวลา 27 ปี เขาเข้ามาร่วมงานกับ BlackRock ในปี 2015 โดยเป็น Lead Manager ของทั้ง BGF World Financials Fund และกองทุน BGF FinTech Fund

ก่อนหน้านั้น เขาทำงานให้กับ UBS O’Connor โดยทำหน้าที่ทั้งเป็นนักวิเคราะห์และผู้จัดการพอร์ตทางการเงิน นอกจากนี้ นาย Moreno เคยทำงานให้กับบริษัท Keefe Bruyette & Woods (KBW) เป็นเวลา 9 ปี โดยอยู่ในตำแหน่งหัวหน้าด้านวิจัยและยุทธศาสตร์ ก่อนที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นซีอีโอประจำกรุงลอนดอน

กองทุน BGF Fintech Fund เหมาะสำหรับนักลงทุนประเภทใด?

กองทุนนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ประสงค์ที่จะได้รับผลตอบแทนในระดับสูง เนื่องจากมีนโยบายที่จะลงทุนอย่างน้อย 70% ของทรัพย์สินท้ังหมดในหุ้นของบริษัททั่วโลกที่มีธรุกิจ หรือทำกิจกรรมเกี่ยวข้องกับการวิจัย พัฒนา การผลิต หรือการแจกจ่ายเทคโนโลยีที่ใช้ หรือประยุกต์กับบริการด้านการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบชำระเงิน ธนาคาร การลงทุน การปล่อยสินเชื่อ ประกันภัยและซอฟต์แวร์

จากรายงาน ณ เดือนเม.ย. ที่ผ่านมา กองทุน BGF Fintech Fund มีขนาด 525 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีการลงทุนในบริษัทขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) มากกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ประมาณ 55.20% ของพอร์ตลงทุน บริษัทขนาดกลางที่มีมาร์เก็ตแคประหว่าง 2,000 – 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 28.05% ของพอร์ต เงินสดและตราสารอนุพันธ์ 5.83% ของพอร์ตลงทุน

สำหรับกลุ่มฟินเทคที่กองทุน BGF Fintech Fund ลงทุนแบ่งออกได้ดังนี้

  • บริการด้านไอที 45.40%
  • สินเชื่อผู้บริโภค 16.41%
  • ธนาคารดิจิทัล 14.58%
  • เงินสดและตราสารอนุพันธ์ 5.83%
  • การลงทุนและตลาดหลักทรัพย์ 5.25%
  • ประกันภัย 4.56%
  • ซอฟต์แวร์ 3.95%
  • บริการทางการเงินที่หลากหลาย 1.52%
  • สินเชื่อจำนอง (Mortgage) 1.30%
  • บริการโปรเฟสชันแนล 1.10%
  • และ อื่นๆ 0.10%

สำหรับตลาดที่กองทุน BGF Fintech Fund มีการลงทุนให้น้ำหนักกับสหรัฐอเมริกาเป็นพิเศษ คือ 62.41% ของพอร์ตการลงทุน รองลงมาคือ อังกฤษ 6.70% เงินสดและตราสารอนุพันธ์ 5.83% อิตาลี 5.29% แคนาดา 3.60% บราซิล 3.16% จีน 3.14% คาซัคสถาน 2.66% รัสเซีย 2.02% ฝรั่งเศส 1.12% ประเทศอื่นๆ รวมกัน 4.09%

สไตล์การบริหารของกองทุน BGF Fintech Fund จะเลือกลงทุนในหุ้นของ 30-50 บริษัท หุ้นแต่ละตัวจะมีน้ำหนักการลงทุนประมาณ 1-7% โดยเน้นหุ้นของบริษัทที่มีความโดดเด่นในธุรกิจของตนเอง มีความเชื่อมั่นสูงในผลประกอบการและอนาคต รวมทั้งพิจารณาปัจจัยด้านสภาพคล่องและความเสี่ยง โดยมีการทบทวน และการปรับพอร์ตอย่างสม่ำเสมอให้ทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง

ฟินเทคเป็นหนึ่งในเมกะเทรนด์ที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตในยุคเศรษฐกิจนวัตกรรม กองทุนเปิดบัวหลวงฟินเทค หรือ B-FINTECH จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีความเชื่อมั่นกับอุตสาหกรรมฟินเทคในระยะยาวที่จะมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ผ่านการวิจัยและพัฒนา เพื่อนำเอามาปฏิบัติใช้งานจริงในการอำนวยความสะดวกสำหรับการให้

ทั้งนี้ นักลงทุนต้องสามารถรับความเสี่ยงจากความผันผวนของหุ้นและอัตราแลกเปลี่ยนได้ หากเคยมีประสบการณ์ในการลงทุนกองทุนต่างประเทศมาแล้ว ก็สามารถจัดสรรเงินลงทุนส่วนหนึ่งมาลงทุนในกองทุนนี้ได้ โดยผู้ที่สนใจสามารถศึกษาข้อมูลกองทุนนี้ได้ที่ https://www.bblam.co.th/products/mutual-funds/foreign-investment-fund/b-fintech/b-fintech#content

 

ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจ ลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
การป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนขึ้นกับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน