HIGHLIGHT

• ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา (ตั้งแต่จัดตั้งกองทุน) หุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน มีแรงขายทำกำไรและมีเงินทุนไหลออกจากหุ้นพลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะพลังงานลมและแสงอาทิตย์ และหุ้นที่เกี่ยวกับซอฟต์แวร์ เนื่องจากปีที่แล้วปรับตัวขึ้นมามาก ในขณะที่หุ้นกลุ่มที่เกี่ยวกับการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น เซมิคอนดักเตอร์ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หุ้นด้านสิ่งแวดล้อมอื่นๆ เช่น ด้านการเกษตร การควบคุมมลพิษ และสภาพภูมิอากาศมีผลการดำเนินงานที่ดี จากนโยบายการสนับสนุนด้านภูมิอากาศของสหรัฐฯ 
• สถานการณ์ปัจจุบันที่ตลาดกังวลต่อตัวเลขเงินเฟ้อออกมาสูงกว่าคาด หุ้นกลุ่มเหล่านี้อาจมีความผันผวนในระยะสั้น แต่แนวการลงทุนในหุ้นเพื่อความยั่งยืน สามารถเติบโตได้ดีในระยะยาว 

ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา (ตั้งแต่จัดตั้งกองทุน) หุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน มีแรงขายทำกำไรและมีเงินทุนไหลออกจากหุ้นพลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะพลังงานลมและแสงอาทิตย์ และหุ้นที่เกี่ยวกับซอฟต์แวร์ เนื่องจากปีที่แล้วปรับตัวขึ้นมามาก ในขณะที่หุ้นกลุ่มที่เกี่ยวกับการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น เซมิคอนดักเตอร์ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หุ้นด้านสิ่งแวดล้อมอื่นๆ เช่น ด้านการเกษตร การควบคุมมลพิษ และสภาพภูมิอากาศมีผลการดำเนินงานที่ดี จากนโยบายการสนับสนุนด้านภูมิอากาศของสหรัฐ

สถานการณ์ปัจจุบันที่ตลาดกังวลต่อตัวเลขเงินเฟ้อออกมาสูงกว่าคาด หุ้นกลุ่มเหล่านี้อาจมีความผันผวนในระยะสั้น แต่แนวการลงทุนในหุ้นเพื่อความยั่งยืน สามารถเติบโตได้ดีในระยะยาว

ถึงแม้ราคาหุ้นกลุ่ม Sustainable และ Clean Energy จะปรับตัวขึ้นมามากในปีที่แล้ว แต่หุ้นในกลุ่มนี้ยังคงมีปัจจัยบวกสนับสนุน ดังนี้

• ประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้ออกมาหนุนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้วยงบประมาณ 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เป็นผลบวกต่อกลุ่มพลังงานหมุนเวียน แบตเตอรี่ ยานยนต์ไฟฟ้า เซมิคอนดักเตอร์ และการก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
• นโยบายของประเทศพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐฯ และยุโรปที่มีความมุ่งมั่นปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ภายใน 2050  ล่าสุดจีนเองก็ออกมาให้เป้าหมายว่าภายในปี 2035 จะเปลี่ยนเป็นรถพลังงานไฟฟ้าทั้งหมด และตั้งเป้ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2030 เป็น 62%
• ข้อมูลจาก Financial Times แสดงแนวโน้มการปล่อยก๊าซคาร์บอกไดออกไซด์ (CO₂) ในธุรกิจต่างๆ ว่า กลุ่ม กลุ่มธุรกิจในหมวด ยานยนต์ ขนส่ง (Transportation) กลุ่มอุตสาหกรรม (Industry) และกลุ่มที่เกี่ยวกับไฟฟ้า (Electricity and Heat) มีความแนวโน้มการปล่อย CO₂ ลดลงชัดเจนมาก และในปี 2050 แต่ละกลุ่มจะปล่อยก๊าซ CO₂ ใกล้ศูนย์ตามเป้าหมายที่วางไว้
• บริษัทยานยนต์ระดับโลกอย่าง BMW, Volkswagen, GM และ Honda มีการตอบรับเกี่ยวกับการลด Carbon Footprint ที่ดี และให้ความสําคัญกับการผลิตรถยนต์ให้เป็นไฟฟ้าทั้งหมดในอนาคต จะเป็นผลบวกต่อบริษัทในที่เกี่ยวข้องใน Supple Chain ของการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า

ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าการสนับสนุนทางนโยบายอยู่ในระยะแรกเท่านั้น จึงถือได้ว่าการลงทุนในกองทุนที่ธีมความยั่งยืน เป็นเทรนด์การลงทุนระยะยาว หรือ Secular Trend อย่างแท้จริง ความผันผวนในระยะสั้นจึงเป็นโอกาสในการลงทุน

ผลการดำเนินงานของกองทุน B-SIP ณ 31 พฤษภาคม 2564

Disclaimer: เอกสารนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยการรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ ทั้งนี้ บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องครบถ้วน หรือความสมบูรณ์ของข้อมูลดังกล่าวได้ และบริษัทฯ อาจเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า เอกสารนี้ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน มิได้มีวัตถุประสงค์ชักชวน ชี้นำ ให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจลงทุนทางการเงิน หรือการตัดสินใจในทางธุรกิจแต่อย่างใด ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังและวิจารณญาณจากการใช้ข้อมูลบางส่วนหรือทั้งหมดของเอกสารฉบับนี้ ผู้ลงทุนต้องศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนการตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต