CNBC รายงานว่า สภาระหว่างประเทศว่าด้วยการขนส่งที่สะอาด หรือ ICCT เผยแพร่ผลการศึกษาใหม่ ระบุว่า สหรัฐฯ กำลังตามหลังจีนและยุโรปในด้านการผลิตและการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ และช่องว่างนี้มีแนวโน้มกว้างขึ้นเมื่อดูความเปลี่ยนแปลงนับจากปี 2017-2020
โรงงานทั่วโลกมีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับผู้โดยสารไปมากกว่า 10 ล้านคัน ระหว่างปี 2010-2020 โดยจากผลการศึกษา ระบุว่า ณ สิ้นปี 2017 ผู้ผลิตรถยนต์ที่อยูในสหรัฐฯ ผลิตออกมา 20% ของคลังรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก ต่อมาในปี 2020 ผู้ผลิตรถยนต์ในสหรัฐฯ มีการนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าเพียง 18% ของรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดที่ผลิตออกมานับตั้งแต่ปี 2010 ขณะที่ส่วนแบ่งตลาดของจีนและยุโรปกลับเพิ่มขึ้น
Nic Lutsey ผู้อำนวยการโครงการ ICCT ระบุว่า นโยบายภาครัฐในการสนับสนุนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่แตกต่างกันมีผลต่อการเติบโตด้านการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า โดยการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจะเติบโตในประเทศที่มีนโยบายออกมาเข้มแข็ง ที่ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นตลาดให้เดินไปข้างหน้า ขณะที่ตั้งแต่ปี 2010-2020 มีผลวิจัยพบว่า จีนเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุด มียอดผลิต 44% ของรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด โดยมียอดผลิตและจำหน่ายไปรวม 4.6 ล้านคันในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ยุโรปผลิต 2.6 ล้านคัน และจำหน่าย 3.2 ล้านคัน ทำให้กลายเป็นภูมิภาคที่นำเข้าสุทธิรถยนต์ไฟฟ้า
หากพิจารณาแค่ปีที่ผ่านมาปีเดียว พบว่า ผู้ผลิตรถยนต์ในสหรัฐฯ ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าออกมาอย่างน้อย 450,000 คัน โดย Tesla ครองส่วนแบ่ง 85% ของรถยนต์ที่ผลิตทั้งปี ขณะที่ยอดส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าทั้งปีจากโรงงานในสหรัฐฯ ในปี 2020 ทะลุ 215,000 คัน มากที่สุดเมื่อเทียบชาติอื่นๆ สะท้อนว่ามีความต้องการที่แข็งแกร่งในต่างประเทศมากกว่าความต้องการในสหรัฐฯ ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เช่น Tesla ส่งออก รวมถึงจัดตั้งศูนย์จำหน่ายในต่างประเทศ
โดยรวมแล้วความต้องการในต่างประเทศมีผลต่อเครือข่าย ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ทุ่มเงินในการสร้างโรงงานผลิตใหม่และการขายรถยนต์ไฟฟ้าในต่างประเทศมากกว่าในสหรัฐฯ