CNBC รายงานว่า Amazon เผยแพร่รายงานความยั่งยืนประจำปีเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยชี้ว่า การปล่อยก๊าซคาร์บอนของ Amazon เพิ่มขึ้นถึง 19% ในปีที่ผ่านมา ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้การปล่อยก๊าซคาร์บอนทั่วโลกลดลงอย่างรวดเร็ว
กิจกรรมที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของ Amazon เทียบเท่ากับ 60.64 ล้านเมตริกตันในปี 2020 ขณะที่ปี 2019 รายงานไว้ที่ 51.17 ล้านเมตริกตัน หรือเพิ่มขึ้นมา 15% เมื่อเทียบรายปี
สถานการณ์โควิด-19 ทำให้คนจำนวนมากต้องอยู่แต่ในบ้านเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับไวรัส ซึ่งก็ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทำให้เกิดกิจกรรมที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกลดลง โดยจากข้อมูลพบว่า การปล่อยก๊าซคาร์บอนทั่วโลกลดลงไป 7% ในปี 2020 ถือเป็นอัตราการลดลงมากที่สุด
ธุรกิจ Amazon เติบโตมากในช่วงการแพร่ระบาด โดยมีรายได้สูงถึง 386,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2020 ซึ่งก็เป็นผลให้การปล่อยก๊าซคาร์บอนเติบโตตาม แต่ Amazon ก็มีความพยายามลดความเข้มข้นของคาร์บอน ซึ่งวัดจากการปล่อยมลพิษต่อยอดขายทุก 1 ดอลลาร์สหรัฐ โดยความเข้มข้นของคาร์บอนลดลง 16% ในปี 2020 สอดคล้องกับเป้าหมายภายในองค์กร
ความเข้มข้นของคาร์บอนที่ลดลงเมื่อเทียบรายปีนี้เป็นผลจากกระบวนการดำเนินงานของ Amazon ที่พยายามลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน โดยจากรายงาน ระบุว่า เกือบครึ่งหนึ่งของการปรับปรุงความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนที่ปล่อยออกมา เป็นผลจาการลงทุนในพลังงานสะอาดและการเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของ Amazon นั่นเอง
ทั้งนี้ Amazon มีการให้คำมั่นสัญญาเกี่ยวกับสภาพอากาศออกมาเมื่อปี 2019 เป็นส่วนหนึ่งของแผนในการร่วมผลักดันให้การปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2040 โดยเมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา Amazon คาดการณ์ว่าจะดำเนินงานโดยใช้พลังงานสะอาดทั้งหมดภายในปี 2025
ส่วนหนึ่งของการไปสู่เป้าหมายนี้ก็คือ การใช้รถยนต์ไฟฟ้าในกระบวนการขนส่ง โดยบริษัทมีการสั่งซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ในการขนส่ง 100,000 คัน จาก Rivian ซึ่งคาดว่ารถยนต์เหล่านี้จะนำมาวิ่งบนท้องถนนในปี 2030