รายงานพิเศษของ CNBC ระบุว่า สหภาพยุโรปวางแผนที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โดยแผนดังกล่าวอาจปฏิวัติหลายภาคส่วน ตั้งแต่การเดินทางทางอากาศไปจนถึงการขนส่ง
กลุ่มสมาชิก 27 ประเทศได้ให้คำมั่นที่จะผลักดันให้ประเทศมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (carbon neutrality) ภายในปี 2050 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างน้อย 55% ภายในปี 2030 จากระดับการปล่อยก๊าซปี 1990
Ursula von der Leyen ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป กล่าวในแถลงการณ์เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า การใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลได้มาถึงขีดจำกัดแล้ว เราต้องส่งต่อโลกที่ดีมีคุณภาพให้คนรุ่นต่อไป เช่นเดียวกับการสร้างงานที่ดีและการเติบโตที่ไม่ทำร้ายธรรมชาติ
การเปลี่ยนแปลงนโยบายหลักคือการสนับสนุนการซื้อขายผ่านตลาดคาร์บอนเครดิตในสหภาพยุโรป ภายใต้แผนดังกล่าว ภาคธุรกิจสามารกำหนดเพดานการปล่อยก๊าซ (Allowances) ซึ่งภาคธุรกิจสามารถซื้อขายส่วนต่างได้ เช่น หากปล่อยเกินเพดานที่กำหนดก็ต้องจ่ายค่าปล่อยก๊าซส่วนเกิน แต่หากกิจการนั้นๆ มีความพยายามลดปริมาณการปล่อยก๊าซฯ ให้ต่ำกว่าโควตาที่ตนได้รับ ก็สามารถนำส่วนเหลือตรงนั้นไปขายได้ ซึ่งผู้ประกอบการเครื่องบินอยู่ภายในขีดจำกัดที่กำหนดนี้เช่นกัน นอกจากนี้ฝ่ายบริหารของสหภาพยุโรปยังต้องการระบบการซื้อขายการปล่อยมลพิษใหม่สำหรับภาคการขนส่งทางถนนและอาคาร
ภาคยานยนต์เป็นหนึ่งในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากกฎใหม่ โดยคณะกรรมการเสนอให้ห้ามใช้รถยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซลและเบนซินตามแผนในทางปฏิบัติตั้งภายในปี 2035 ซึ่งหมายความว่าจะต้องมีบริการจุดชาร์จประจำบนทางหลวงสายหลักทุกๆ 60 กิโลเมตร สำหรับการชาร์จไฟฟ้า และทุกๆ 150 กิโลเมตร สำหรับการเติมไฮโดรเจน