โดย…ทนง ขันทอง
JP Morgan Asset Management เขียนรายงานภาวะตลาดและเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในใตรมาสที่ 3 ของปี 2021 ว่า เม็ดเงินลงทุนทั่วโลกยังคงไหลเข้ากองทุนหุ้นสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมองเห็นการเติบโตของกำไรบริษัทยังคงมีแนวโน้มที่ดี
ในขณะที่แรงเหวี่ยงของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐได้ถึงจุดพีคไปแล้ว บริษัทที่มีการเจริญเติบโตสูงและมีผลประกอบการนำตลาดในระยะ 10 ปีที่ผ่านมาได้กลับมานำตลาดอีก ทำให้มูลค่าหุ้นขึ้นสูง หรืออาจจะมีราคาแพงเกินไปในหลายกรณี
หลายบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจหรือมาตรการผ่อนคลายการควบคุมไวรัสได้เห็นราคาหุ้นที่ขึ้นมาเต็มมูลค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นในกลุ่มสายการบิน และโรงแรม
ขณะเดียวกัน นักลงทุนพร้อมที่จะรับความเสี่ยงในการลงทุนในบริษัทใหม่ๆ ที่มีแนวโน้มว่าจะเติบโตสูง หรือหุ้นของบริษัทที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากวิกฤติโควิด-19 ทำให้หุ้นที่มีคุณภาพสูง หรือหุ้นที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องไม่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเท่าที่ควร
นโยบายการลงทุนของ JP Morgan Asset Management จึงใช้วิธีการบริหารพอร์ตในเชิงรุก หรือ active management โดยคัดเลือกหุ้นของบริษัทที่มีแนวโน้มของการเจริญเติบโตสูง หรือ growth stocks และมีราคาที่อยู่ในระดับที่ยอมรับได้
JP Morgan มองว่า แผนกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ออกมาเร็ว และมีขนาดใหญ่เป็นประวัติการณ์ช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นเร็วจากภาวะโรคระบาดในรอบ 40 ปีเลยทีเดียว นอกจากนี้แผนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประธานาธิบดีโจ ไบเดน และกลุ่มเดโมแครตจะทำให้มีการลงทุนในถนนหนทาง สะพาน สนามบิน
ที่ผ่านมามีการละเลยการลงทุนในหุ้นที่มีศักยภาพในการเติบโต จึงต้องเน้นในกลุ่มต่างๆ ที่มีทั้งหุ้นที่มีโอกาสดี หรือหุ้นที่มีอนาคต เช่น ใน Theme ของการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศ JP Morgan Asset Management จะให้ความสนใจในบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ด้านอุตสาหกรรม หรืออุปกรณ์ด้านการเกษตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการประยุกต์เอาปัญญาประดิษฐ์ แมชชีนเลิร์นนิ่ง เข้าไปใช้เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ
ในกลุ่ม 5G หรือรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังมาแรง แทนที่จะลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับกิจการเหล่านี้โดยตรง JP Morgan Asset Management มีการลงทุนในบริษัทผู้ผลิตทองแดงที่จะเป็นวัถุดิบสำคัญในการลงทุนเทคโนโลยี
นอกจากนี้ นโยบายการผลักดันเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ให้กลับมาผลิตสินค้าในบ้านตัวเองมากขึ้น จากอดีตที่ผ่านมาที่มีการเอาท์ซอร์ส หรือการย้ายฐานผลิตไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจีน จะทำให้มีการลงทุนเพื่อผลิตเองในสหรัฐฯ มากยิ่งขึ้น แต่เนื่องจากค่าแรง หรือสวัสดิการของแรงงานอเมริกันสูงกว่าประเทศอื่นๆ เรื่องของหุ่นยนต์หรือระบบอัตโนมัติ (automation) จึงจะเป็น Theme ต่อไปในการสรรหาบริษัทที่เกี่ยวข้องกับระบบอัตโนมัติและมีแนวโน้มเติบโตดีในระยะยาว