Highlight
- ด้านตลาดหุ้นไทยปรับตัวได้ดี จากสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศที่เริ่มดีขึ้นในช่วงปลายเดือน และการเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์จากภาครัฐฯ ในเดือนสิงหาคมนักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยที่ 5.4 พันล้านบาท เทียบกับเดือนกรกฎาคมที่ขายสุทธิ 1.7 หมื่นล้านบาท
- แนวโน้มการลงทุน ปัจจัยภายนอก จะได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่จะฟื้นตัวในวงกว้างมากขึ้น ขณะที่ปัจจัยสนับสนุนจากสภาพคล่องทางการเงินมีแนวโน้มส่งผลเชิงบวกลดลง ด้านปัจจัยภายใน การกลับมาเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจอีกครั้งจะช่วยหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ และการฉีดวัคซีนที่เพิ่มมากขึ้น
- กลยุทธ์การลงทุนยังคง Selective เน้นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง มีการปรับตัวทางธุรกิจที่ดี รวมถึงหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการกลับมาเปิดเศรษฐกิจและผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัว
- ผู้จัดการกองทุนมีมุมมองเชิงบวกกับกลุ่มธนาคาร กลุ่มโรงไฟฟ้า กลุ่มค้าปลีก และ กลุ่มขนส่ง
ตลาดหุ้นโลกปรับตัวปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี นำโดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ปรับขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ได้ โดยการประชุมที่ Jackson Hole ประธาน Fed ได้ส่งสัญญาณที่ Dovish ต่อตลาด โดยยังคงมุมมองต่อการปรับตัวเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อในระยะสั้น และมองว่าการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดเร็วเกินไป จะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจในภาพรวม โดย Fed อาจเริ่มการทำ QE Taper ในปีนี้ แต่ยังคงขึ้นอยู่กับตัวเลขเศรษฐกิจที่จะออกมาในระยะข้างหน้า และการทำ QE Taper จะไม่เชื่อมโยงกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed ในอนาคต
การสื่อสารอย่างต่อเนื่องของ Fed และท่าทีที่ยังไม่เข้มงวดมากขึ้นเร็วนั้น ทำให้ตลาดการเงินได้ซึมซับข้อมูลและปรับคาดการณ์ ส่งผลให้ตลาดการเงินไม่เกิดภาวะผันผวนสูงนัก
ด้านตลาดหุ้นไทยปรับตัวได้ดี จากสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศที่เริ่มดีขึ้นในช่วงปลายเดือน และการเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์จากภาครัฐฯ โดยการเร่งฉีดวัคซีนในวงกว้างและการจัดหาวัคซีนที่ทยอยเข้ามาต่อเนื่อง ช่วยหนุนการเปิดเศรษฐกิจที่เพิ่มมากขึ้นในระยะข้างหน้า ในเดือนสิงหาคมนักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยที่ 5.4 พันล้านบาท เทียบกับเดือนกรกฎาคมที่ขายสุทธิ 1.7 หมื่นล้านบาท
แนวโน้มการลงทุน ปัจจัยภายนอก จะได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่จะฟื้นตัวในวงกว้างมากขึ้น ขณะที่ปัจจัยสนับสนุนจากสภาพคล่องทางการเงินมีแนวโน้มส่งผลเชิงบวกลดลง ด้านปัจจัยภายใน การกลับมาเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจอีกครั้งจะช่วยหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ และการฉีดวัคซีนที่เพิ่มมากขึ้น ช่วยเพิ่มโอกาสในการเปิดรับนักท่องเที่ยวได้ในระยะข้างหน้า
กลยุทธ์การลงทุน ยังคง Selective เน้นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง มีการปรับตัวทางธุรกิจที่ดี รวมถึงหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการกลับมาเปิดเศรษฐกิจและผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัว
ผู้จัดการกองทุนมีมุมมองเชิงบวกกับกลุ่มอุตสาหกรรม ดังต่อไปนี้
- กลุ่มธนาคาร เพราะราคาหุ้นได้ปรับฐานลงมาแล้ว ทำให้ Valuation มีความน่าสนใจ และด้วยภาพการ Reopen เศรษฐกิจ จะค่อยๆทำให้คุณภาพลูกหนี้ดีขึ้นในระยะถัดไป
- กลุ่มโรงไฟฟ้า ปัจจัยบวกเฉพาะตัวจาก 1) Earnings momentum ครึ่งปีหลังสูงกว่าครึ่งปีแรก 2) แผน PDP ฉบับใหม่เพิ่มสัดส่วนของพลังงานหมุนเวียน (Green energy) มากขึ้น
- กลุ่มค้าปลีก ผลประกอบการได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว การเปิดเมือง และการกระตุ้นเศรษฐกิจจะช่วยให้กลับมาโตได้อีกครั้ง
- กลุ่มขนส่ง ได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากการ Reopen และการกลับมาเปิดประมูลของโครงการรถไฟฟ้าจะช่วยเพิ่มมูลค่าการลงทุนในระยะยาว
ผลการดำเนินงานของกองทุน BKIND ณ 31 สิงหาคม 2564
ตัวอย่างโครงการที่กองทุนให้การสนับสนุนและรายละเอียดของโครงการ
โดย จารุพันธ์ จิระรัชนิรมย์
โครงการบั๊ดดี้โฮมแคร์ (Buddy Homecare) กลไกดูแลผู้สูงอายุยากไร้ เป็นตัวอย่างหนึ่งของโครงการดีๆ ที่กองทุน BKIND เข้าไปสนับสนุน โดยโครงการนี้มีส่วนช่วยให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development) ได้พร้อมกันถึง 2 ประการในคราวเดียว ทั้งในแง่การมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีในทุกช่วงอายุ รวมทั้งการจ้างงานที่มีคุณค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ
สำหรับบั๊ดดี้โฮมแคร์ เป็นกิจการเพื่อสังคม ที่ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหา 2 ด้านได้ในคราวเดียวกัน ทั้งปัญหาผู้สูงอายุยากไร้ที่ขาดคนดูแล และปัญหาเด็กชนเผ่าที่ขาดโอกาสทางการศึกษา
การดำเนินงานของโครงการนี้ คือ เข้าไปสนับสนุนโอกาสให้เด็กชนเผ่าได้เข้าฝึกอบรมวิชาชีพเป็นผู้ดูแลผู้สูงอายุ พร้อมกลับมาทำงานร่วมกับบั๊ดดี้โฮมแคร์ ในการให้บริการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุที่ครอบครัวมีศักยภาพในการจ่ายค่าบริการและต้องการคนดูแลที่บ้าน โดยจะนำกำไรที่ได้จากการให้บริการไปจัดบริการเยี่ยมผู้สูงอายุยากไร้ และให้เด็กชนเผ่าที่ขาดโอกาสมาร่วมเป็นอาสาสมัครในการดูแล นับเป็นประโยชน์ทั้ง 2 ด้านที่สมควรอย่างยิ่งที่จะให้การสนับสนุน
โดยที่กองทุน BKIND ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่เข้าไปสนับสนุนโครงการนี้ตั้งแต่ปี 2562 ด้วยงบประมาณ 700,000 บาท ซึ่งบั๊ดดี้โฮมแคร์ นำไปใช้เพื่อประชาสัมพันธ์โครงการ พร้อมคัดเลือกเด็กชนเผ่าที่ขาดโอกาสและสนใจสมัครเรียนต่อหลักสูตรประกาศนียบัตร ผู้ช่วยพยาบาล 1 ปี เข้ามาร่วมโครงการรวม 3 คน นอกจากนี้ยังจัดอบรมปฏิบัติการดูแลผู้สูงอายุเบื้องต้น หลักสูตรผู้ดูแลผู้สูงอายุ ในช่วงระหว่างวันที่ 16 พฤศจิกายน 2562 – 8 มีนาคม 2563 มีผู้สำเร็จการอบรมครั้งนี้ 6 คน
ไม่เพียงเท่านี้ ในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 บั๊ดดี้โฮมแคร์ ยังดำเนินการเพิ่มเติมไปจากภารกิจหลักที่ทำ ได้แก่ จัดทำสื่อเผยแพร่เพื่อให้ความรู้ในการปฏิบัติตัวในช่วงที่ไวรัสแพร่ระบาดที่ถูกต้องตามหลักมาตรฐานสากลขององค์การอนามัยโลก (WHO) แก่อาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน และลงพื้นที่ไปมอบถุงยังชีพ เพื่อช่วยเหลือครอบครัวผู้สูงอายุที่ยากไร้ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ และพี่น้องชนเผ่าชาติพันธุ์ บ้านขุนแปะ เพื่อให้มีความมั่นคงทางด้านอาหาร
ขณะเดียวกัน ยังผลิตสื่อออนไลน์ Blink to speak ภาษาดวงตา เพื่อช่วยผู้ที่มีอาการอัมพฤกษ์อัมพาต โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง โรคหลอดเลือดสมอง โรคพาร์กินสัน และโรคที่มีความผิดปกติของระบบประสาท ให้สามารถสื่อสารกับคนอื่นได้เพียงใช้ดวงตา
โดยรวมแล้ว โครงการนี้มอบประโยชน์ให้ทั้งเยาวชนที่ขาดโอกาส ทำให้คนเหล่านี้มีโอกาสพัฒนาศักยภาพของตัวเอง เพื่อให้มีอาชีพทำกิน พึ่งพาตนเองได้ ขณะเดียวกันยังช่วยให้ผู้สูงอายุที่ยากไร้ มีโอกาสเข้าถึงการมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จากการที่มีเยาวชนชนเผ่าเข้าไปเป็นอาสาสมัครช่วยดูแล ส่วนผู้สูงอายุที่มีกำลังทรัพย์ ก็ได้เข้าถึงบริการดูแลที่ดี และมีส่วนร่วมส่งมอบความสุขคืนให้ผู้สูงอายุที่ยากไร้ได้
ทั้งนี้ บั๊ดดี้โฮมแคร์ ไม่ได้หยุดแผนการพัฒนาที่ดีอยู่เพียงเท่านี้ แต่ยังวางเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ขึ้น ทั้งการขยายอบรมหลักสูตรดูแลผู้สูงอายุให้กับเยาวชนชาวเขา การขยายพื้นที่ในการดูแลผู้สูงอายุบนดอย รวมทั้งขยายการดูแลผู้สูงอายุในชุมชน 6 พื้นที่ และที่สำคัญที่สุดคือ จะทดลองขยายการให้บริการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุในกรุงเทพฯ ในปีนี้ด้วย
Disclaimer: เอกสารนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยการรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ ทั้งนี้ บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องครบถ้วน หรือความสมบูรณ์ของข้อมูลดังกล่าวได้ และบริษัทฯ อาจเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า เอกสารนี้ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน มิได้มีวัตถุประสงค์ชักชวน ชี้นำ ให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจลงทุนทางการเงิน หรือการตัดสินใจในทางธุรกิจแต่อย่างใด ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังและวิจารณญาณจากการใช้ข้อมูลบางส่วนหรือทั้งหมดของเอกสารฉบับนี้ ผู้ลงทุนต้องศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนการตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต