CNBC รายงานว่า ภาพรวมความมั่งคั่งของครัวเรือนสหรัฐฯ ไม่เคยอยู่ในระดับสูงเท่านี้มาก่อน เป็นผลมาจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้นมาก โดยจากข้อมูลของ Bank of America พบว่า ครัวเรือนสหรัฐฯ ถือครองหุ้นครึ่งหนึ่งของสินทรัพย์การเงินทั้งหมดที่มีอยู่ 109.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในสิ้นไตรมาสที่ 2 ปี 2021 ขณะที่สินทรัพย์อื่นๆ ได้แก่ ตราสารหนี้ เงินสด ใบรับฝากเงิน และเงินฝากธนาคาร
Bank of America ชี้ว่า สัดส่วนหุ้นในสินทรัพย์ทั้งหมดถือว่าสูงสุดในรอบ 70 ปี โดยมูลค่าความมั่งคั่งสุทธิของครัวเรือนโดยรวมเพิ่มขึ้นเป็น 141.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในไตรมาสที่ 2 ในจำนวนนี้ 3.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากมูลค่าหุ้นของบริษัทที่ถือครองอยู่ราคาไต่ระดับขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่กลุ่มไม่แสวงหากำไร ก็มีสัดส่วนการถือครองหุ้น 41.5% ของความมั่งคั่งโดยรวม ตามข้อมูลของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed)
แม้เรื่องนี้จะเป็นข่าวดีสำหรับนักลงทุนทั่วไปที่เป็นเจ้าของหุ้น แต่ก็สะท้อนถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นเช่นกันจากการเปลี่ยนแปลงของตลาดในอนาคต ซึ่งวอลล์สตรีทมองเห็นภาวะตลาดกระทิงที่ยาวที่สุดในประวัติศาสตร์สิ้นสุดลงในช่วงต้นปี 2020 จากนั้นก็กลับมาอย่างรวดเร็ว และสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในบางช่วงเวลาของปี 2021
“เงินมักจะไปในพื้นที่ที่เงินเติบโต ตราบใดที่มูลค่าหุ้นยังเพิ่มขึ้น คนก็ยังคงใส่เงินลงทุนไปต่อเนื่องจนกว่าจะมีพื้นที่ที่ดีกว่าสำหรับใส่เงินลงทุน” Mitchell Goldberg ประธาน ClientFirst Strategy กล่าว
ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้นมากกว่า 15% แล้วในปี 2021 โดยได้รับแรงสนับสนุนจากมาตรการการเงินและการคลัง รวมถึงการเติบโตของผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนด้วย ซึ่งนโยบายที่มีนัยสำคัญกับการเติบโต คือ ดอกเบี้ยที่ต่ำเป็นประวัติการณ์ การใส่เงินซื้อสินทรัพย์สภาพคล่องของ Fed ควบคู่กับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของสภาคองเกรส