CNBC รายงานว่า Partnership for New York City กลุ่มองค์กรไม่แสวงหากำไรที่เป็นการรวมกลุ่มของผู้บริหารบริษัท มีการทำสำรวจใหม่ออกมา พบว่า มีเพียง 28% ของคนทำงานในเมืองแมนฮัตตันที่กลับไปนั่งประจำโต๊ะและมีน้อยกว่าครึ่งหนึ่งที่จะกลับไปทำงานที่สำนักงานภายในเดือน ม.ค. นี้
การสำรวจนี้จัดทำขึ้นกับบริษัทใหญ่ 188 แห่ง ในเมืองแมนฮัตตัน โดยนายจ้าง คาดการณ์ว่า 49% ของคนทำงานจะกลับเข้าสำนักงานในวันธรรมดา โดยเฉลี่ยในช่วงเดือน ม.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับปัจจุบันที่กลับเข้าทำงานในสำนักงานเพียง 28% นอกจากนี้ผลสำรวจยังแนะนำว่า การทำงานจากระยะไกล จะยังคงอยู่ไปอีกยาวหลังจากเดือน ม.ค. และจะทำให้ความต้องการใช้พื้นที่สำนักงานในนิวยอร์กลดลง
จากข้อมูลในผลสำรวจ พบว่า มากกว่า 1 ใน 3 ของ นายจ้าง คาดการณ์ว่า พื้นที่สำนักงานในแมนฮัตตันของพวกเขาจะลดลงในช่วง 5 ปีจากนี้ และ 13% คาดการณ์ว่า จะลดจำนวนพนักงานในเมืองนิวยอร์กลง
“หลังการแพร่ระบาดใหญ่ผ่านพ้นไป การทำงานระยะไกลก็ยังคงอยู่ ซึ่ก็นำไปสู่การพิจารณาในการรักษาสำนักงานและงานในนิวยอร์กไว้” Kathryn Wylde ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Partnership for New York City กล่าว
ทั้งนี้ อัตราพื้นที่ว่างให้เช่าของสำนักงานในนิวยอร์ก ปัจจุบันอยู่ในระดับสูงสุดรอบ 30 ปี ที่ 18.6% ขณะที่มูลค่าอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ในเมืองลดลงไป 28,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 16.6% รายได้ภาษีอสังหาริมทรัพย์ก็ลดลงไม่ต่ำกว่า 1,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปีงบประมาณนี้ ซึ่งรายได้ภาษีอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ในนิวยอร์ก ถือเป็นแหล่งรายได้ภาษีอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุด ดังนั้นเมื่อความต้องการสำนักงานในเมืองอ่อนแอ ก็จะมีผลกระทบต่องบประมาณของเมืองด้วย