กองทุนเปิดบัวหลวงภารตะ (B-BHARATA)

กองทุนเปิดบัวหลวงภารตะ (B-BHARATA)

Highlight

  • ปัจจัยบวกที่สำคัญของตลาดหุ้นอินเดีย มาจากมาตรการทางการคลังที่กระตุ้นเศรษฐกิจ การ IPO ของหุ้นใหม่ และการเปิดเมืองที่มีทิศทางดีขึ้น ในขณะที่แรงกดดันของตลาดหุ้นอินเดีย มาจากปัจจัยการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันซึ่งส่งผลต่อบริษัทจดทะเบียนในทิศทางที่แตกต่างกันไป และประเด็นเรื่องเงินเฟ้อทั่วโลก
  • การประชุม UN Climate Change Conference (COP26) ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีอินเดียประกาศว่าอินเดียจะมุ่งเน้นการพัฒนาด้านการใช้พลังงาน โดยเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาด และลดสัดส่วนพลังงานดั้งเดิมลง มีเป้าหมายที่จะปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2070 
  • ธีมการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับดิจิทัลเป็นสิ่งที่ผู้จัดการกองทุนให้ความสนใจ ซึ่งจะครอบคลุมกลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มการเงิน และกลุ่มค้าปลีก นอกจากนี้ยังมีมุมมองเชิงบวกกับกลุ่มการเงินและกลุ่มอุตสาหกรรม มีการลงทุนผสมผสานกันทั้งหุ้นขนาดใหญ่ กลาง และเล็ก โดยมองว่าหุ้นขนาดใหญ่เป็นผู้นำของตลาดในปัจจุบัน และหุ้นขนาดกลางและเล็ก มีโอกาสที่จะเป็นผู้นำในอนาคต ซึ่งต้องใช้กลยุทธ์การคัดเลือกหุ้นรายตัว (Bottom Up)

 สถานการณ์โควิดของอินเดียดีขึ้นมาก จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ประมาณ 12,000 ต่อวัน การฉีดวัคซีนอยู่ที่ 4-5 ล้านคนต่อวัน ประชากรผู้ใหญ่กว่า 35% ฉีดครบ 2 เข็มแล้ว และกว่า 78% ได้รับวัคซีนอย่างน้อยหนึ่งเข็ม อัตราการเสียชีวิตอยู่ในระดับต่ำประมาณ 3%

กิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ดีขึ้น ทั้งด้านการเดินทาง การท่องเที่ยว และการจับจ่ายใช้สอย จนมาอยู่ระดับก่อนการระบาดโควิดครั้งที่สองในอินเดีย

ด้านเงินลงทุนจากต่างชาติ ในช่วงไตรมาสที่ 3 ยังคงเป็นไหลเข้าสุทธิ USD 444 ล้านเหรียญสหรัฐ และนักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 2 พันล้านเหรียฐสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ในเดือนตุลาคม นักลงทุนต่างชาติมีการขายทำกำไรในหุ้นอินเดียทำให้มียอดสุทธิไหลออก 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้ตั้งแต่ต้นปีเงินจากต่างชาติซื้อสุทธิประมาณ 6 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่เดือนตุลาคมนักลงทุนในประเทศยังคงซื้อสุทธิ 597 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้รูปแบบการลงทุนของนักลงทุนรายย่อยจะซื้อผ่านกองทุนรวมและบริษัทประกันมากขึ้นอย่างชัดเจน

ตลาดหุ้นอินเดียให้ผลตอบแทนที่ดี ตั้งแต่ต้นปีหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กราคาปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าหุ้นขนาดใหญ่ จนกระทั่งเดือนสิงหาคมต่อเนื่องถึงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา หุ้นขนาดใหญ่ราคาปรับตัวขึ้นมามากกว่าหุ้นขนาดกลางและเล็ก

ปัจจัยบวกที่สำคัญของตลาดหุ้นอินเดีย มาจากมาตรการทางการคลังที่กระตุ้นเศรษฐกิจ การ IPO ของหุ้นใหม่ และการเปิดเมืองที่มีทิศทางดีขึ้น ในขณะที่แรงกดดันของตลาดหุ้นอินเดีย มาจากปัจจัยการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันซึ่งส่งผลต่อบริษัทจดทะเบียนในทิศทางที่แตกต่างกันไปและประเด็นเรื่องเงินเฟ้อทั่วโลก

การประชุม UN Climate Change Conference (COP26) ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีอินเดียประกาศว่าอินเดียจะมุ่งเน้นการพัฒนาด้านการใช้พลังงาน โดยเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาด และลดสัดส่วนพลังงานดั้งเดิมลง มีเป้าหมายที่จะปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2070

พอร์ตการลงทุน

  • ในภาพรวมผู้จัดการกองทุนขายทำกำไรในหุ้นขนาดกลางและเล็กที่ราคาขึ้นมาถึงเป้าหมายแล้ว และหาโอกาสในหุ้นขนาดใหญ่ที่มีผลประกอบการที่ดี รวมถึงหุ้นขนาดกลางและเล็กที่น่าสนใจ
  • เดือนที่ผ่านมามีการขายทำกำไรในบริษัทยาที่ราคาเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับที่เหมาะสม และลงทุนในบริษัทยาที่ยังมีแนวโน้มเติบโตที่ดี และเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในธนาคารขนาดใหญ่ที่มีผลประกอบการดี พร้อมทั้งขายทำกำไรในบริษัทเหล็กขนาดใหญ่เพื่อลงทุนในบริษัทเหล็กขนาดกลาง
  • ในด้านหุ้นที่เกี่ยวกับการเปิดประเทศ ได้เพิ่มน้ำหนักในหุ้นร้านอาหาร และลดน้ำหนักในกลุ่มอีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์มที่ราคาเป้าหมายที่วางไว้
  • ธีมการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับดิจิทัลเป็นสิ่งที่ผู้จัดการกองทุนให้ความสนใจ ซึ่งจะครอบคลุมกลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มการเงิน และกลุ่มค้าปลีก นอกจากนี้ยังมีมุมมองเชิงบวกกับกลุ่มการเงินและกลุ่มอุตสาหกรรม มีการลงทุนผสมผสานกันทั้งหุ้นขนาดใหญ่ กลาง และเล็ก โดยมองว่าหุ้นขนาดใหญ่เป็นผู้นำของตลาดในปัจจุบัน และหุ้นขนาดกลางและเล็ก มีโอกาสที่จะเป็นผู้นำในอนาคต ซึ่งต้องใช้กลยุทธ์การคัดเลือกหุ้นรายตัว (Bottom Up)
  • ด้าน Valuation แม้ว่าตลาดหุ้นอินเดียดูเหมือนว่าจะปรับตัวขึ้นมามากแล้วและรับรู้ปัจจัยบวกของเศรษฐกิจอินดียแล้ว ดัชนี NIFTY มี P/E (Price/Earnings Ratio) ที่2 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีอยู่ที่ 19 เท่า แต่เมื่อดูด้านของผลประกอบการ จากข้อมูลค่าเฉลี่ย 10 ปี ของ Earning CAGR สิ้นปี 2020 อยู่ที่ 6% ซึ่งเป็นที่คาดการณ์ว่า Earning CAGR ในปี 2021-2023 จะอยู่ที่ 26.4% ทั้งๆ ที่มีโควิด-19 และในปี 2021 ดัชนี NIFTY มี Earnings ประมาณ 14% ดังนั้น จึงแสดงให้เห็นว่าผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในอินเดียมีแนวโน้มเชิงบวกในอีก 3-4 ปีข้างหน้า

ผลการดำเนินงานของกองทุน B-BHARATA ณ 29 ตุลาคม 2564

ข้อมูลกองทุนหลัก RAMS Equities Portfolio Fund – India Equities Portfolio Fund ณ 29 ตุลาคม 2564

Disclaimer: เอกสารนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยการรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ ทั้งนี้ บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องครบถ้วน หรือความสมบูรณ์ของข้อมูลดังกล่าวได้ และบริษัทฯ อาจเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า เอกสารนี้ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน มิได้มีวัตถุประสงค์ชักชวน ชี้นำ ให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจลงทุนทางการเงิน หรือการตัดสินใจในทางธุรกิจแต่อย่างใด ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังและวิจารณญาณจากการใช้ข้อมูลบางส่วนหรือทั้งหมดของเอกสารฉบับนี้ ผู้ลงทุนต้องศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนการตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต