โดย…อรพรรณ บัวประชุม CFP®
ใครที่สนใจลงทุนในกองทุนที่มีคำต่อท้ายว่า SSF หรือกองทุนรวมเพื่อการออม แน่นอนว่าต้องลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษี หลายคนก็จะเริ่มกังวลถึงเงื่อนไขการลงทุนต่างๆ นานา ว่าจะต้องลงทุนแล้วถือยาวถึง 10 ปีเต็ม ถ้าต้องการใช้เงินก่อน ขายคืนก่อนก็ต้องคืนสิทธิประโยชน์ทางภาษี แถมถ้าขายคืนแล้วมีกำไรก็ต้องนำมารวมเป็นเงินได้ในปีที่ขายคืนด้วย
แต่อยากให้เราเริ่มมองอีกมุมของการลงทุนในกองทุนรวม SSF ที่เป็นตัวช่วยเพิ่มโอกาสให้มูลค่าเงินลงทุนเราสูงขึ้น แถมยังช่วยให้เรามีเงินใช้ทุกเดือนในอนาคตได้อีก
แหม…ช่างดีเสียจริง ถ้าเราลงทุนทุกเดือนอย่างสม่ำเสมอตั้งแต่ตอนนี้ อีก 10 ปี เราก็มีเงินใช้ได้ทุกเดือนไม่ยากเลยค่ะ ซึ่งจุดนี้หลายคนไม่เคยคิด เพราะคิดแค่ว่าลงทุนแล้วถือยาว 10 ปี และส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนแค่ครั้งเดียวใน 1 ปี ซึ่งทำให้เราพลาดการมีเงินใช้ในอนาคตแบบรายเดือนไป
เงื่อนไขการลงทุนในกองทุนรวม SSF คือ ลงทุนแล้วต้องถือให้ครบ 10 ปีเต็ม ดังนั้น หากวันนี้ที่เราลงทุนเป็นวันที่ 1 ธันวาคม 2564 เงินก้อนที่ลงทุนนี้ก็จะไปครบวันที่ 1 ธันวาคมปี 2574 อย่างเราลงทุน 100,000 บาท เพื่อลดหย่อนในปีภาษี 2564 วันที่ 1 ธันวาคม ปี 2574 เราก็สามารถขายคืนได้
ส่วนในปีหน้า เอ๋แนะนำให้เราวางแผนการลงทุนตั้งแต่ต้นปี เพื่อให้เงินทำงานเต็มที่ ลงทุนวันทำการแรกของปีคือวันที่ 4 มกราคม 2565 เงินลงทุนก้อนนี้ก็จะไปครบกำหนด 4 มกราคม 2575 ลงทุนแบบนี้ทุกเดือน โดยคำนวณก่อนว่าสิทธิที่เราลงทุนได้สูงสุดเท่าไหร่ เราสามารถลงทุนได้ไม่เกินสิทธิที่ลงทุน คือไม่เกิน 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษีทั้งปี และไม่เกิน 200,000 บาท โดยการลงทุนขั้นต่ำอยู่ที่ 500 บาทต่อครั้ง
หากต้องการลงทุนและลดหย่อนภาษีทั้งปี 120,000 บาท ก็สามารถลงทุนเดือนละ 10,000 บาท ลงทุนทุกเดือนแบบนี้ไปเรื่อยๆ เงินที่ครบกำหนดก็จะไปครบกำหนดวันที่เราลงทุนในอีก 10 ปีข้างหน้า ดังนั้น ในอีก 10 ปีข้างหน้าเราก็จะมีเงินลงทุนในกองทุนรวม SSF ที่ครบกำหนดทุกเดือน เราก็สามารถทยอยขายได้ทุกเดือนเพื่อนำเงินลงทุนมาใช้จ่าย หรือนำไปลงทุนต่อ
แต่อย่าลืมว่าสิทธิลงทุนในกองทุนรวม SSF ให้สิทธิลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีได้เพียง 5 ปี คือปี 2563 – 2567 ดังนั้น จะเหลือระยะเวลาลงทุนอย่างต่อเนื่องได้อีกเพียง 3 ปีเท่านั้น ยิ่งเราลงทุนเร็ว ก็ครบกำหนดเร็ว สามารถนำเงินลงทุนมาใช้ตามที่เราอยากใช้ได้เร็วขึ้น ส่วนใครที่อยากมีเงินสะสมสำหรับทยอยใช้จ่ายในอนาคตต่อเนื่อง หากกองทุนรวม SSF หมดสิทธิการลดหย่อนแล้วก็สามารถลงทุนในกองทุนเปิดทั่วไป เพื่อให้มีการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ และกำหนดด้วยตัวเองสำหรับการขายคืนในอนาคตอีก 10 ปีข้างหน้าก็ทำได้
ซึ่งกองทุนรวม SSF มีหลากหลายนโยบายลงทุน ให้เราเลือกลงทุน ไม่ว่าจะเป็นกองทุนแบบผสมผสานอย่างกองทุนเปิดบัวหลวงอินคัมเพื่อการออม (B-INCOMESSF) ที่มีความเสี่ยงปานกลาง เหมาะกับคนที่รับความเสี่ยงได้กลางๆ
สำหรับใครที่ชอบหุ้นไทยก็มีให้เลือก 2 กองทุนด้วยกันคือ กองทุนผสมบัวหลวง 70/30 เพื่อการออม (ฺBM70SSF) และกองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นไทยเพื่อการออม (BEQSSF)
2 กองนี้ต่างกันที่สัดส่วนการลงทุนในหุ้น โดยกองทุน BM70SSF จำกัดการลงทุนในหุ้นไทยไม่เกิน 70% ในขณะที่ BEQSSF จะลงทุนในหุ้นไทยได้เต็มที่ และยังมีกองทุนหุ้นต่างประเทศให้เลือกลงทุนอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนตาม Theme อย่าง กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นฟิวเจอร์เพื่อการออม (B-FUTURESSF) ที่เน้นการลงทุนใน ปัญญาประดิษฐ์ การบริโภคของคนรุ่นใหม่
กองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลธีมเมติกออพพอร์ทูนิตี้เพื่อการออม (B-GTOSSF) ที่เน้นการลงทุนในบริษัทที่คิดค้นและได้ประโยชน์จากนวัตกรรมใหม่ๆ จากหลากหลายอุตสาหกรรมทั่วโลก กองทุนเปิดบัวหลวงยั่งยืนเพื่อการออม (B-SIPSSF) ที่ไม่ได้การลงทุนแค่ ESG แต่โอกาสที่ดีกว่าในวันข้างหน้า
กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นจีนเพื่อการออม (B-CHINESSF) ที่ลงทุนในหุ้นจีนทั่วโลก และกองทุนเปิดบัวหลวงยูเอสอัลฟ่าเพื่อการออม (B-USALPHASSF) เน้นลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มเติบโตด้วยเช่นเดียวกัน ก็ขึ้นอยู่กับนักลงทุนว่ารับความเสี่ยงได้สูงแค่ไหน แล้วชอบ Theme ลงทุนแบบไหน ข้อสำคัญคือ ยิ่งเริ่มเร็วยิ่งดี อยากมีเงินใช้ต่อเนื่องอีก 10 ปีข้างหน้าเร็วแค่ไหน ก็ต้องเริ่มเร็วเท่านั้นค่ะ