Highlight
- การรุกรานของรัสเซียทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความมั่นคงของการจัดหาพลังงานขึ้น เนื่องจากยุโรปต้องพึ่งพาก๊าซของรัสเซียอย่างหนัก
- กองทุน Pictet Global Environmental Opportunities กลุ่มพลังงานหมุนเวียนให้ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งที่สุดจากการดำเนินมาตรการตอบโต้ของยุโรปเพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน
- หุ้นกลุ่ม Clean Energy ปรับตัวลดลงน้อยกว่าตลาดหุ้นโลก เนื่องจากการรุกรานของรัสเซียทำให้โอกาสในการสร้างพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้น
ภาพรวมตลาด
ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงอย่างรวดเร็วเป็นระลอกที่ 2 จากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ทำให้ชาติตะวันตกมีการคว่ำบาตรรัสเซีย รวมถึงมีการปิดกั้นธนาคารรัสเซียไม่ให้เข้าถึงระบบ SWIFT
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นยุโรปได้รับผลกระทบมากที่สุด ขณะที่สหราชอาณาจักร ละตินอเมริกา เอเชียแปซิฟิก ปิดตัวที่ระดับสูงกว่าเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มพลังงานและวัสดุปิดสูงขึ้น เนื่องจากราคาน้ำมันพุ่งขึ้น 11% หลังวิกฤตยูเครน ขณะที่ หุ้นกลุ่ม Defensive (กลุ่มอุตสาหกรรมที่ค่อนข้างเสถียร มีความมั่นคง ไม่ผันผวนไปกับสภาวะเศรษฐกิจ) เช่น กลุ่มการดูแลสุขภาพ กลุ่มสินค้าจำเป็นและสาธารณูปโภคทรงตัว
จากมุมมองด้านสิ่งแวดล้อม การรุกรานของรัสเซียทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความมั่นคงของการจัดหาพลังงานขึ้นเนื่องจากยุโรปต้องพึ่งพาก๊าซของรัสเซียอย่างหนัก เพื่อเป็นการตอบโต้ สหภาพยุโรปกำลังทบทวนกลยุทธ์ด้านพลังงานของตน โดยจะมีการพัฒนาการใช้พลังงานหมุนเวียนอย่างรวดเร็ว มีการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และมีการใช้ก๊าซทางเลือก/แหล่งก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG)
พอร์ตการลงทุน
กองทุน Pictet Global Environmental Opportunities
- กลุ่มพลังงานหมุนเวียน ให้ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งที่สุด จากการดำเนินมาตรการตอบโต้ของยุโรปเพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน โดยกองทุนได้มีการเพิ่มน้ำหนักหุ้น Orsted บริษัทผู้นำด้านการผลิตพลังงานลม และ SolarEdge บริษัทผู้ให้บริการด้านเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานและระบบตรวจสอบสำหรับแผงโซลาร์เซลล์
- เกษตรกรรมและป่าไม้ที่ยั่งยืน เป็นกลุ่มที่มีผลการดำเนินงานเป็นบวกเช่นกัน เนื่องจากบริษัท West Fraser ของแคนาดาผู้ผลิตไม้ ไม้อัด เยื่อกระดาษ กระดาษหนังสือพิมพ์และเศษได้รับประโยชน์จากราคาไม้ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
- กลุ่มการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นกลุ่มที่กดดันผลการดำเนินงานมากที่สุด โดยหุ้นกลุ่มประสิทธิภาพอุตสาหกรรม เช่น Infineon, Schneider Electric และ Keyence และหุ้นกลุ่มประสิทธิภาพอาคาร เช่น Johnson Controls และ A.O. Smith มีผลการดำเนินงานที่ไม่ดีนัก เนื่องจากต้องเผชิญกับปัญหาซัพพลายเชนอย่างต่อเนื่อง
- กลุ่มรีไซเคิลและการจัดการของเสีย ให้ผลการดำเนินงานที่อ่อนแอลง เช่น Republic Services, Smurfit Kappa, Xylem และ American Water Works
- กลุ่มการควบคุมมลพิษ รวมถึงบริษัทที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม ให้ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง เช่น Tetra Tech, Aecom ในขณะที่บริษัทควบคุมมลพิษ เช่น Ecolab ได้รับผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น
กองทุน Pictet Clean Energy
- หุ้นกลุ่ม Clean Energy ปรับตัวลดลงน้อยกว่าตลาดหุ้นโลก เนื่องจากการรุกรานของรัสเซียทำให้โอกาสในการสร้างพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้น ทั้งมาตรการประหยัดพลังงาน และการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้า ทั้งนี้ กองทุนมีการปรับพอร์ตการลงทุนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยยังคงมีการลงทุนอย่างต่อเนื่องในบริษัทผู้ผลิตไฟฟ้าเพื่อส่องสว่างของยุโรป ที่ให้ผลการดำเนินงานที่ดีและมีแนวโน้มการเติบโตสูง
ทั้งนี้ กองทุน B-SIP มีการลงทุนใน Pictet Global Environmental Opportunities 66.46% Pictet Clean Energy 27.32% และลงทุนในทรัพย์สินและสินทรัพย์อื่นๆ 6.22% (ข้อมูล ณ 28 ก.พ. 2565)