กิจกรรมของภาคธุรกิจในเขตยูโรโซนในเดือนมีนาคม ยังคงเติบโตแข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ แม้ว่าราคาปรับเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ จนสร้างแรงกดดันให้ธนาคารกลางยุโรปต้องพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้การเติบโตของกิจกรรมธุรกิจบางอย่างมาจากการฟื้นตัวหลังยกเลิกมาตรการควบคุมต่างๆ เกี่ยวกับโควิด-19 ส่วนแนวโน้มระยะข้างหน้ายังคลุมเครือ เนื่องจากปัญหาห่วงโซ่อุปทานอันเกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา เลวร้ายลงไปอีกเมื่อเจอสถานการณ์รัสเซียโจมตียูเครน
จากข้อมูล Flash Composite Purchasing Managers ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อที่จัดทำโดย S&P Global ซึ่งมักจะถูกใช้เป็นมาตรวัดภาวะเศรษฐกิจโดยรวม ปรับลดลงมาอยู่ที่ 54.5 ในเดือนมีนาคม จากที่อยู่ในระดับ 55.5 ในเดือนกุมภาพันธ์ แต่ยังอยู่เหนือค่าเฉลี่ยกลางจากผลสำรวจของ Reuters ซึ่งอยู่ที่ 53.9 และค่าดัชนีที่เกิน 50.0 แปลว่า ยังมีการเติบโตอยู่
“ข้อมูลผลสำรวจเน้นย้ำว่า สงครามรัสเซีย-ยูเครน มีผลกระทบโดยฉับพลันต่อเรื่องวัตถุดิบ และกระทบเศรษฐกิจของยูโรโซน นอกจากนี้ยังทำให้มีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจยูโรโซนจะชะลอตัวลงในไตรมาสที่ 2” Chris Williamson หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ธุรกิจของ S&P Global กล่าว
ที่มา : Reuters