- ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศคง QE ภายใต้นโยบายการเงินเชิงผ่อนคลายไว้ตามเดิม
- ข้อมูลชี้นำเศรษฐกิจชี้ว่ากิจกรรมในยุโรปกำลังย่อตัวลงอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ต้นปี
- ECB ยอมรับ ยังไม่แน่ใจได้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจที่ปรับลง สะท้อนถึงการชะลอตัวในระยะยาว หรือเป็นแค่การอ่อนตัวลงสู่ระดับปกติจากอัตราการเติบโตสูงในช่วงก่อนหน้านี้
- ตลาดบางส่วนตีความออกมาว่า ECB อาจไม่รีบถอนคันเร่ง QE ออกเหมือนกับที่เคยมองกันไว้ ยูโรทรุดลงต่อเทียบกับดอลลาร์ฯ
ภายหลังการประชุมวันที่ 27 เม.ย. ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศคงนโยบายการเงินไว้ตามเดิม ได้แก่ การเข้าซื้อสินทรัพย์ภายใต้โครงการ Asset Purchase Program: APP ขนาด 3 หมื่นล้านยูโรต่อเดือนจนถึง ก.ย. 2018 และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ -0.4% ตามตลาดคาด
Mario Draghi ประธาน ECB กล่าวว่า ทางธนาคารกำลังจับตามองตัวเลขทางเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเศรษฐกิจยุโรปเริ่มแสดงอาการแผ่วลงตั้งแต่ต้นปี กล่าวคือ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ซึ่งเป็นการทำสำรวจภาวะของผู้ประกอบการทั้งในภาคการผลิตและบริการนั้น ย่อตัวลงอย่างต่อเนื่องจากข้อจำกัดด้านกำลังการผลิต ขณะที่ความเชื่อมั่นผู้ประกอบการในเยอรมนีก็ออกมาไม่ดีนัก ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าโดยรวมแล้ว ECB จะยังเชื่อว่าเศรษฐกิจยูโรโซนมีพื้นฐานที่ดี แต่ก็รับรู้ถึงความเป็นไปได้เหมือนกันว่า แนวโน้มชะลอตัวที่เกิดขึ้นในยุโรปดังกล่าว อาจจะสะท้อนถึงจุดเริ่มต้นของเศรษฐกิจขาลงในระยะยาว
ก่อนหน้านี้ ตลาดต่างคาดไปในทิศทางเดียวกันว่า ECB จะหยุดกระตุ้นทางการเงินภายในปลายปีนี้ ก่อนจะเริ่มปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นในปีหน้า แต่เนื่องจากความไม่แน่นอนดังกล่าว Draghi จึงเผยว่า ทางคณะกรรมการนโยบายการเงิน ยังไม่ได้ถกเถียงกันถึงเรื่องการยุติมาตรการกระตุ้นแต่อย่างใดในการประชุมรอบนี้
ความเสี่ยงจากสงครามการค้า เป็นอีกประเด็นที่ได้ถูกชูขึ้นมาในรอบนี้ เพราะ ECB ได้สังเกตถึงผลกระทบเชิงลบต่อความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการแล้ว แต่ยังไม่สามารถคาดการณ์ผลลัพท์ต่อเศรษฐกิจได้อย่างแม่นยำ จนกว่ากำแพงภาษีสหรัฐฯจะมีผลบังคับใช้และประเทศคู่ค้าออกมาตอบโต้อย่างชัดเจนกว่านี้
ยูโรอ่อนตัวลงกว่า 1% เทียบกับดอลลาร์ฯ ภายหลังประกาศผลการประชุม ECB โดยเป็นการย่อตัวลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์ที่แล้ว หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นแตะ 3%