สรุปความ
เสกสรร โตวิวัฒน์ CFP®
ปี 2022 นี้เปิดปีมาด้วยความยากของการลงทุน ไตรมาสแรกเต็มไปด้วยความผันผวน ทั้งกรณีของเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐฯ และในหลายๆ ประเทศทั่วโลก ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ต่อเนื่องมาจากปี 2021
ขณะที่ความกังวลเรื่องอัตราดอกเบี้ยและอัตราเงินเฟ้อยังไม่จบ ก็เกิดกรณีสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ทำให้เกิดความไม่แน่นอนสูง โดยเฉพาะในภูมิภาคยุโรป และส่งผลต่อราคาน้ำมัน ซึ่งมีผลกระทบต่อไปยังเศรษฐกิจทั่วโลกด้วย
เหล่านี้คือความไม่แน่นอน และเป็นสิ่งที่ทำให้นักลงทุนจำนวนมากชะลอการลงทุน รวมทั้งไม่แน่ใจกับเรื่องการลงทุน หลายคนที่เคยลงทุนมาก่อนหน้านี้แล้วเข้าซื้อหุ้นหรือกองทุนในราคาที่สูง ก็เกิดความไม่สบายใจ จะยอมตัดขายขาดทุน (Cut loss) ก็ไม่แน่ใจ หรือจะซื้อต่อในราคาปัจจุบันที่เห็นว่าต่ำแล้ว ก็ยังไม่แน่ใจเช่นกัน ซึ่งสิ่งที่จะช่วยได้คือเรื่องวินัยการลงทุน
ประเด็นสำคัญก็คือ
1.สิ่งที่ลงทุนต้องเป็นสิ่งที่เรามั่นใจว่า ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไร ในระยะยาวยังเป็นสิ่งที่ดี สามารถลงทุนได้ นั่นก็คือสิ่งที่อยู่ในเมกะเทรนด์สำคัญ โดยเฉพาะสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีต่างๆ หรือนวัตกรรมใหม่ๆ ที่รู้จักนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ประโยชน์ และสอดคล้องกับโลกปัจจุบัน วิถีชีวิตของคนในปัจจุบัน
2.เมื่อเราเจอแล้วว่าอะไรเป็นสิ่งที่น่าลงทุน ต่อมาก็คือ เราจะลงทุนเมื่อไหร่ ลงทุนอย่างไร ซึ่งนี่เป็นเรื่องของวินัยการลงทุนที่เราพูดกันมาโดยตลอด
การควบคุมวินัยการลงทุนที่ดีที่สุดคือ การลงทุนแบบถัวเฉลี่ย หรือ Dollar cost averaging (DCA) ซึ่งเป็นการลงทุนที่จะทำให้เราเกิดวินัยการลงทุน และเกิดการลงทุนต่อเนื่อง
แต่เราก็พบว่า นักลงทุนจำนวนมาก ไม่ได้ทำ DCA อยากจะตัดสินใจลงทุนในจังหวะเวลาที่ตัวเองมองว่าเหมาะสม ซึ่งสิ่งนี้ก็เกิดขึ้นได้ หากเราต้องการจะตัดสินใจเอง แต่ความไม่แน่นอนจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน หรือการขึ้นอัตราดอกเบี้ย และเงินเฟ้อ ทำให้เกิดความไม่แน่ใจ ก็ทำให้หลายคนไม่ได้ลงทุนในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากความไม่แน่นอน และมีความกังวลว่าสถานการณ์จะลุกลามหรือไม่ ยิ่งข่าวที่ออกมาก็ทำให้หลายคนเกิดความหวาดวิตก
ถ้ามองที่แก่นการลงทุนจริงๆ แล้ว หากเราอยู่ภายใต้แนวคิดสำคัญ คือ ลงทุนระยะยาว ลงทุนในสิ่งที่ยอมรับความเสี่ยงได้ จัดสรรพอร์ตการลงทุนให้ดี เลือกเมกะเทรนด์ที่ดี และเลือกลงทุน เราก็จะพบว่า เมกะเทรนด์สำคัญต่างๆ เช่น เทคโนโลยี ก็ยังเป็นสิ่งที่ลงทุนได้ แล้วก็โฟกัสที่การลงทุนระยะยาวไปเลย
เมื่อถามว่าควรลงทุนระยะยาวแค่ไหน กี่ปี เรื่องนี้เราอาจจะตอบไม่ได้ว่าตัวเลขจริงๆ ควรเป็นเท่าไหร่ เพราะสิ่งนี้ขึ้นอยู่กับ วัตถุประสงค์ เป้าหมาย โอกาส และข้อจำกัดของแต่ละคน แต่หากเรามั่นใจแล้วว่าเราจะลงทุนระยะยาว อาจจะเก็บออมเพื่อวัยเกษียณ ด้วยราคาหุ้นและมูลค่าหุ้นที่ปรับลดลงมาเช่นนี้ ก็อาจจะเป็นจังหวะราคาที่เราอาจจะทยอยเก็บ ทยอยสะสมได้
ทั้งนี้ ไม่แนะนำให้นำเงินก้อนส่วนใหญ่เข้าไปลงทุนในจังหวะที่มีความไม่แน่นอน หรือความผันผวนสูงเช่นกัน เพราะเราก็ต้องยอมรับว่า ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น ทำให้เราไม่รู้ว่า ราคาที่เหมาะสม ราคาที่ดีที่สุดอยู่ตรงไหน แต่หากคิดแล้วว่าจะลงทุนระยะยาว เราสามารถแบ่งพอร์ตลงทุนได้
เราอาจจะเลือกลงทุนผ่านกองทุนเพื่อลดหย่อนภาษี ไม่ว่าจะเป็น กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) หรือกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) สำหรับคนที่มีรายได้อยู่ในเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษีบุคคลธรรมดา เราอาจจะใช้วินัยและเกณฑ์ตามกฎหมายนี้ ซึ่งเป็นตัวบังคับเราเรื่องการถือครองระยะยาว
เช่น SSF ที่ต้องถือครอง 10 ปีเต็ม แล้วเราอาจจะเลือกกองทุนที่ลงทุนในเมกะเทรนด์ดีๆ เช่น เทคโนโลยี จากนั้นก็ลงทุนระยะยาวไปเลย โดยไม่ต้องไปนั่งกังวลกับตลาดมากมายว่าควรจะซื้อหรือขายเมื่อไหร่ ซึ่งก็เป็นการสร้างวินัย บังคับกรอบวินัยให้เกิดกับตัวเองได้อีกแบบหนึ่ง
โดยเฉพาะ กองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลอินโนเวชั่นและเทคโนโลยี (B-INNOTECH) ที่ลงทุนในเทคโนโลยีพื้นฐาน ซึ่งมีกิจการที่น่าสนใจให้เลือกจำนวนมาก และเราก็เป็นลูกค้าของกิจการเหล่านี้อยู่แล้ว แม้ว่ากิจการเหล่านี้จะอยู่ในต่างประเทศ แต่ว่าเราก็ใช้บริการอยู่ และเรามองเห็นการเติบโต มองเห็นผลกำไร บริษัทเหล่านี้เป็นบริษัทที่ลงทุนระยะยาวได้ ซึ่งในกลุ่มกองทุนลดหย่อนภาษี ก็มีทั้ง B-INNOTECHRMF และ B-INNOTECHSSF ให้เลือกลงทุน
แม้หลายคนจะบอกว่า เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงเร็ว ถ้าลงทุนระยะยาว โดยเงินลงทุนถูกล็อคเอาไว้จะทำอย่างไร อย่าลืมว่าการลงทุนผ่านกองทุนรวม โดยเฉพาะกองทุนที่เป็น Active Fund หรือการบริหารงานเชิงรุก ผู้จัดการกองทุนจะทำหน้าที่คอยเลือกหุ้น ดูแล ปรับเปลี่ยนหุ้นให้แทนเราอยู่แล้ว ฉะนั้นไม่ต้องกังวลมากนัก ในกรณีที่บางกิจการเทคโนโลยีจะมีปัญหา ก็เป็นหน้าที่ที่ผู้จัดการกองทุนจะต้องดูแลแทนเราไป
นี่คือสิ่งที่อยากจะแนะนำกับผู้ลงทุนในวันนี้ว่า ในความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น หลายอย่างทำให้เราไม่สบายใจ ก็เป็นเรื่องปกติ แต่วินัยการลงทุน การโฟกัสกับแก่นการลงทุนระยะยาวจะช่วยให้พอร์ตลงทุนผ่านพ้นช่วงวิกฤติแบบนี้ไปได้