การรุกรานยูเครนของรัสเซียในเดือนกุมภาพันธ์ และความกังวลที่ว่า เศรษฐกิจกำลังจะเกิดภาวะถดถอย ได้ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมควบรวมกิจการและเข้าถือสิทธิ์ (M&A) ในช่วงไตรมาสสอง โดยจากข้อมูลของดีลลอจิค ข้อตกลงที่ได้มีการประกาศแล้วมีมูลค่าลดลง 25.5% เหลือ 1 ล้านล้านดอลลาร์
กิจกรรม M&A ในสหรัฐฯ ลดลง 40% เหลือ 456,000 ล้านดอลลาร์ ในช่วงไตรมาสสอง ขณะที่ในเอเชียลดลง 10% และยุโรปเป็นเพียงภูมิภาคเดียวที่มีการทำข้อตกลงเพิ่มขึ้น 6.5% โดยส่วนใหญ่เป็นเพราะมีการทำข้อตกลงของกองทุนหุ้นเอกชนเป็นจำนวนมาก เช่น การเทคโอเวอร์มูลค่า 58,000 ล้านดอลลาร์ ต่อกลุ่ม “แอตแลนเทีย” บริษัทโครงสร้างพื้นฐานของอิตาลี
เอลิสัน ฮาร์ดดิ้ง-โจนส์ หัวหน้าฝ่ายธุรกรรม M&A ตลาด EMEA (ยุโรป ตะวันออกกลางและแอฟริกา) ของซิตี้กรุ๊ป กล่าวว่า หลายบริษัทกำลังหยุดทำข้อตกลงเอ็มแอนด์เอในระยะสั้น เนื่องจากกำลังให้ความสนใจมากขึ้นต่อผลกระทบของภาวะถดถอยที่จะมีต่อธุรกิจ
มาร์ก ชาเฟียร์ หัวหน้าฝ่ายธุรกรรม M&A ทั่วโลกของซิตี้กรุ๊ป กล่าวว่า มีความกังวลเกี่ยวกับช่วงครึ่งหลังของปีนี้ แต่เชื่อว่า จะยังคงมีธุรกรรมเกิดขึ้น
เนื่องจากตลาดหุ้นได้เกิดความวุ่นวายอย่างต่อเนื่อง กรรมการบริหารของบริษัทจึงระมัดระวังที่จะทำข้อตกลงที่มีราคาแพง
มาร์ก คูเปอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท โซโลมอน พาร์ทเนอร์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาในสหรัฐฯ กล่าวว่า น่าจะได้เห็นข้อตกลงขนาดใหญ่และการซื้อกิจการด้วยการกู้เงินเป็นจำนวนมากในช่วงสองไตรมาสข้างหน้า และยังมองว่า ยากที่จะทำธุรกรรม M&A เมื่อบริษัทมีการซื้อขายที่ระดับต่ำในรอบ 52 สัปดาห์
ปริมาณการทำธุรกรรมข้ามพรมแดนลดลง 25.5% ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ และไม่มีการลงทุนของสหรัฐฯ ในยุโรปเหมือนเช่นเคย เนื่องจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน
สินเชื่อในการเข้าถือสิทธิ์ของบริษัท ได้เริ่มแพงมากขึ้นเมื่อธนาคารกลางหลายแห่งได้ขึ้นดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้เงินเฟ้อ แม้แต่บริษัทที่มีเงินสดที่จะทำข้อตกลงหรือใช้หุ้นเป็นเงิน ก็พบว่า ยากที่จะตกลงราคากันในขณะที่ตลาดมีความผันผวน
ดาเมียน ซูเบค ผู้อำนวยการร่วมฝ่ายปฏิบัติงานองค์กรในสหรัฐและการควบรวมกิจการ ของบริษัท เฟรชฟีลด์ บรัคเฮาส์ เดริงเกอร์ กล่าวว่า ความผันผวนในตลาดหุ้นเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการทำธุรกรรม M&A เชิงกลยุทธ์ เพราะเมื่อตลาดผันผวน มักยากที่จะมีการหารือเพื่อตีมูลค่า และยากที่จะทำข้อตกลงโดยใช้หุ้นเป็นเงิน
ในยุโรป การอ่อนค่าอย่างรุนแรงของเงินยูโรและเงินปอนด์ ทำให้บริษัทเปราะบางต่อการฉกฉวยโอกาสเข้าซื้อกิจการจากกองทุนหุ้นเอกชน
อัมเบอร์โต กิอาโคเมตติ ผู้อำนวยการร่วมกลุ่มผู้สนับสนุนทางการเงินในตลาด EMEA ของโนมูระ กล่าวว่า การเคลื่อนหลุดของตลาด (Market dislocation) เปิดโอกาสให้กองทุนหุ้นเอกชนเนื่องจากการประเมินมูลค่าลดลง นอกจากนี้ยังมีการคัดกรองจำนวนมากต่อบริษัทจดทะเบียนที่จะทำทั้งข้อตกลงเพื่อนำบริษัทออกจากตลาด และการเข้าซื้อกิจการในบริษัทมหาชน แต่หากไม่มีการปรับราคา กิจกรรมจะไม่สามารถกลับมาเริ่มใหม่ได้อย่างเหมาะสม
กิอาโคเมตติ คาดการณ์ว่า ข้อตกลงของบริษัทกองทุนหุ้นเอกชนจะมีขนาดเฉลี่ยลดลง เนื่องจากธนาคารไม่ปล่อยเงินกู้ และกองทุนสินเชื่อเอกชนเริ่มระวังที่จะทำข้อตกลงขนาดใหญ่
อย่างไรก็ดี คาดการณ์ว่า การทำธุรกรรมข้ามพรมแดนระหว่างสหรัฐฯ และยุโรปจะฟื้นตัวขึ้นในที่สุด โดยจะได้รับแรงหนุนจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์และช่องว่างที่ถ่างมากขึ้นระหว่างการประเมินมูลค่าของบริษัทในสหรัฐฯ และยุโรป
อังเดร เคลเลเนอร์ส หัวหน้าฝ่ายธุรกรรม M&A ตลาด EMEA ของโกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป อิงซ์ คาดว่า จะเริ่มมีการไหลเวียนของเงินทุนใหม่และการทำข้อตกลงจะเพิ่มขึ้น ซึ่งรวมถึงธุรกรรมด้านการเงิน โดยจะสูงกว่าต้นปีนี้เล็กน้อย
อย่างไรก็ดี จะยังคงมีความระมัดระวังอยู่ เนื่องจากบริษัทกำลังหาทางตัดสัมพันธ์กับรัสเซีย หรือจำกัดความเสี่ยงในภูมิภาคดังกล่าว และจะมีการหาทางทำข้อตกลงภายในมากกว่าภายนอก
ที่มา: รอยเตอร์ส