“อยู่กับปัจจุบันยังไง ให้มีเงินใช้ในอนาคต” โดย อรพรรณ บัวประชุม CFP®
สำหรับใครที่เข้าสู่วัยกลางคน แล้วใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน โดยไม่คำนึงถึงอนาคต ขอให้ปรับมุมมองใหม่สักนิดนึง แม้ว่าเราต้องอยู่กับปัจจุบันก็ตาม แต่การกระทำในปัจจุบันของเรานั้น สามารถส่งผลไปถึงอนาคตของเราด้วย เหมือนกับคำที่กล่าวว่า “อดีตเป็นอย่างไร ดูได้ในปัจจุบัน ส่วนอนาคตจะเป็นอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจุบันที่เราทำ” นั่นเองค่ะ ดังนั้น หากไม่อยากให้ลำบากในอนาคต เราต้องทำปัจจุบันเพื่อปัจจุบัน และเพื่ออนาคตด้วยค่ะ
ใครที่ว่าอนาคตไม่สำคัญ คำพูดนี้ ไม่จริงเลยค่ะ เพราะเราทำปัจจุบัน ก็เพื่อให้อนาคตเราดี เพราะปัจจุบันเรายังมีเรี่ยวแรงในการทำงาน ร่างกายเรายังแข็งแรง ยังสามารถทำงานได้ไหว เราก็ต้องเตรียมความพร้อมเอาไว้ เพราะเราไม่รู้ว่าอนาคตเราจะเป็นยังไง งานที่เราทำอยู่ตอนนี้ อนาคตเราจะยังได้ทำมั้ย เงินที่เราหาได้ตอนนี้ อนาคตเราจะยังหาได้หรือเปล่า เพราะทุกอย่างไม่มีความแน่นอนนั่นเอง แม้ว่าการทำงานในบริษัท ได้เงินเดือนทุกเดือนๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ใครๆ ก็คิดว่ามีความมั่นคง แต่หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ผ่านเข้ามาในชีวิต ทำให้หลายคนเริ่มมีมุมมองที่เปลี่ยนไป จากความมั่นคงที่คิดว่ามั่นคงจริงๆ ก็ไม่มั่นคงอีกต่อไป ดังนั้น ทำปัจจุบันให้ดี อยู่กับปัจจุบัน และคิดถึงเรื่องในอนาคตด้วย
หากใครที่อยากจะอยู่แค่กับปัจจุบัน ถ้าเป็นแบบนั้น ก็ต้องทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้ชีวิต การจัดการเงิน ใครที่มีภาระหนี้ในวันนี้ ก็ต้องพยายามทำงานปลดภาระหนี้ที่มี แต่ก็อย่าลืมว่าไม่มีอะไรแน่นอน หากเราเป็นอะไรไปก่อนที่ภาระหนี้หมด คนข้างหลังเราจะเดือดร้อนมั้ย ถ้าไม่อยากให้เขาเดือดร้อน เรามีอะไรที่ช่วยลดภาระให้กับคนข้างหลังเราหรือเปล่า เราอาจจะต้องมีการทำประกันชีวิต การทำประกันสุขภาพ รวมถึงการทำประกันทรัพย์สินด้วย
ส่วนเรื่องความมั่นคงในอนาคต แน่นอนค่ะว่า หากปัจจุบันยังไม่ไหว แล้วใครล่ะจะคิดถึงอนาคต “หากวันนี้เรายังไม่มีกิน ใครล่ะจะไปคิดว่าพรุ่งนี้จะกินอะไร” ดังนั้น หากวันนี้เราได้ทำสิ่งดีๆ ในวันนี้เต็มที่แล้ว และเต็มที่กับทุกวัน เชื่อวัน จะมีวันที่เราต้องให้รางวัลตัวเราเอง ทำเพื่ออนาคตของตัวเองกันบ้าง โดยอาจจะเริ่มจากการแบ่งเงินส่วนหนึ่งจากรายได้ของเรา มาลงทุนเพื่ออนาคตของเราบ้าง ต้องคิดว่าหากวันนึงเราไม่สามารถทำงานได้ไหว แต่เรายังมีชีวิตอยู่ เราจะทำยังไง เราก็ต้องเริ่มทำตั้งแต่วันนี้เพื่อตัวเองในวันข้างหน้า เริ่มจากการแบ่งเงินจากรายได้เราสักส่วนนึง เริ่มจากแบ่งเงิน 10% จากรายได้มากันเป็นเงินสำรองเผื่อฉุกเฉิน เพื่อเผื่อไว้ใช้ในกรณีจำเป็นสัก 6-12 เดือน เมื่อกันเงินส่วนนี้ได้แล้ว จากนั้นก็เริ่มลงทุนเพื่ออนาคตของเราได้ สำหรับใครที่เสียภาษีเงินได้ด้วย แนะนำให้ลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ซึ่งมีหลากหลายนโยบายให้เลือกลงทุน ช่วยเราลดภาษี และยังช่วยให้เรามีวินัยในการลงทุนด้วย เพราะเราต้องมีการลงทุนอย่างสม่ำเสมอทุกปี ลงทุนไม่น้อยกว่า 5 ปี นับการลงทุนตั้งแต่ครั้งแรกต้องไม่น้อยกว่า 5 ปีด้วย และอายุเราต้อง 55 ปีขึ้นไปถึงจะขายคืนได้ วิธีนี้ก็จะช่วยให้เรามีเงินก้อนไว้ใช้หลังเกษียณได้ ซึ่งการลงทุนกองทุนรวม RMF มีการกำหนดเงินลงทุนขั้นสูงไว้ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน และไม่เกิน 500,000 บาท
ส่วนใครที่เลือกไม่ถูก ไม่รู้จะลงทุนในกองทุนอะไรดี แนะนำกองทุนรวมแบบผสมผสานมีการจัดสัดส่วนการลงทุนไว้ให้แล้ว เพียงแค่ต้องรู้จักตัวเองว่าเรารับความเสี่ยงได้มากน้อยระดับไหน นั่นก็คือกองทุนรวม BMAPSRMF ซึ่งเป็นกองทุนหน่วยลงทุน มีให้เลือกถึง 3 นโยบายด้วยกัน ซึ่งใครที่รับความเสี่ยงได้ไม่มากนัก กองทุนเปิด BMAPS25RMF สามารถช่วยกระจายการลงทุนให้เราได้ เพราะมีการลงทุนในหลากหลายกองทุน แต่จะจำกัดการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ ไว้ไม่เกิน 25% ส่วนที่เหลือลงทุนในตราสารหนี้ หากเรารับความเสี่ยงได้มากขึ้นอีกสักหน่อย BMAPS55RMF ก็เป็นอีกกองทุนที่น่าสนใจ เพราะเพิ่มการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงไม่เกิน 55% แต่สำหรับใครที่รับความเสี่ยงได้สูงมาก การเลือกลงทุนใน BMAPS100RMF ก็เป็นอีกกองทุนนึงที่น่าสนใจ เพราะผู้จัดการกองทุนสามารถเลือกลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงได้สูงถึง 100% เลยค่ะ
ใช้ชีวิตกับปัจจุบัน คิดถึงตัวเองในอนาคต และเริ่มลงทุนกันได้แล้วค่ะ เพราะไม่ว่ายังไง เราก็ต้องยึดคติที่ว่า “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” ดังนั้น หากเราไม่เริ่มต้นลงทุนให้กับตัวเองตั้งแต่วันนี้ แล้วเราจะไปเริ่มกันตอนไหนล่ะคะ ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อตัวเองทั้งในวันนี้และในอนาคตค่ะ