รายงาน “ไชน่า เบจ บุ๊ก” ในสหรัฐฯ ซึ่งอ้างว่า ได้สัมภาษณ์นักธุรกิจในจีนมากกว่า 4,300 คนเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาจนถึงวันที่ 15 มิถุนายน ชี้ว่า ในขณะที่มีการผ่อนคลายล็อกดาวน์เป็นส่วนใหญ่ในเดือนพฤษภาคม แต่ข้อมูลในเดือน มิถุนายน ไม่ได้ชี้ว่า เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวกลับมาเหมือนที่มีการคาดการณ์เป็นส่วนใหญ่ และยังมีสัญญาณใหม่เพียงเล็กน้อยว่า มาตรการกระตุ้นของรัฐบาลจะมีผลกระทบมาก
นครเซี่ยงไฮ้ ได้ล็อกดาวน์ในเดือนเมษายน และพฤษภาคม รวมถึงกรุงปักกิ่งและส่วนอื่นๆ ของประเทศยังได้คุมโควิดในระดับหนึ่งเช่นกัน ในปลายเดือนพฤษภาคม นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ได้เรียกร้องผ่านการประชุมวิดีโอคอลครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยให้เจ้าหน้าที่ทำงานหนัก เพื่อให้มีการเติบโตในช่วงไตรมาส 2 และลดการว่างงาน
อย่างไรก็ดี รายงานของ ไชน่า เบจ บุ๊ก ชี้ว่า ในระหว่างไตรมาส 1 และไตรมาส 2 การจ้างงานลดลงในภาคผลิตทั้งหมด ยกเว้นการแปรรูปอาหาร และเครื่องดื่ม
เซห์ชาร์ด เอช.คาซี่ กรรมการผู้จัดการ ของไชน่า เบจ บุ๊ก กล่าวว่า สถานการณ์การจ้างงานไม่น่าจะเริ่มดีขึ้นจนกว่าจีนกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ร่วง และจนถึงขณะนี้ มีสัญญาณเล็กน้อยว่า ได้มีมาตรการกระตุ้นออกมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านสาธารณูปโภค นอกจากนี้ บริษัทขนส่ง ก่อสร้าง ได้ชะลอการลงทุน และชะลอโครงการใหม่ ๆ
สินค้าที่ยังขายไม่ออกได้เพิ่มขึ้น ยกเว้นรถยนต์ และคำสั่งซื้อเพื่อการบริโภคภายในประเทศ รวมทั้งการส่งออกไปยังต่างประเทศส่วนใหญ่ลดลงในช่วงไตรมาส 2 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 โดยคำสั่งซื้อสิ่งทอและการแปรรูปสารเคมี ได้รับผลกระทบหนักสุด
มีเพียงสินค้าไอทีและอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคเท่านั้นที่มีคำสั่งซื้อภายในประเทศเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 2 และการสั่งซื้อสินค้าส่งออกในภาคผลิต 7 ประเภท โตเพียง 3 ประเภท คือ อิเล็กทรอนิกส์ รถยนต์ และการแปรรูปอาหารและเครื่องดื่ม
รายงานยังชี้ว่า คำสั่งซื้อที่ลดลงภายในประเทศและสินค้าคงคลังที่เพิ่มขึ้น ชี้ว่า ภาวะเศรษฐกิจที่คาดว่าจะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังจะดีขึ้นพอประมาณและไม่น่าพอใจ
ผู้จัดทำรายงานตั้งข้อสังเกตว่า ธุรกิจในภาคบริการพลิกผันมากสุด โดยหลังจากที่ได้โตเร็วขึ้นในช่วงไตรมาสหนึ่ง รายได้ ยอดขาย กำไร ค่าใช้จ่ายในการลงทุน (capex) และกำไรในภาคบริการลดลงในช่วงไตรมาส 2 อย่างไรก็ดี มีเพียงภาคอสังหาริมทรัพย์และศูนย์กลางการผลิตของมณฑลกวางตุ้งเท่านั้นที่ดีขึ้นเมื่อเทียบปีต่อปี
จีนจะเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในช่วงไตรมาส 2 ในวันที่ 15 กรกฎาคม หลังจากที่จีดีพีไตรมาส 1 โตประมาณ 4.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
หลังจากที่ได้คุมการแพร่ระบาดของโควิดอย่างเข็มงวดมาอย่างต่อเนื่องนานกว่า 2 ปี ในวันอังคารที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้ประกาศลดเวลากักตัวสำหรับผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศเหลือเพียง 7 วัน โดยจะต้องกักตัวในศูนย์ที่จัดให้ เช่น โรงแรม เมื่อเดินทางไปถึง และจากนั้นจะต้องกักตัวในบ้านอีก 3 วัน จึงจะสามารถออกไปข้างนอกได้
ก่อนหน้านี้ ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศจะต้องกักตัว 14-21 วัน ในศูนย์กักตัว โดยขึ้นอยู่กับเมืองที่เข้าไปและปลายทางภายในประเทศ
นอกจากนี้ จีนยังประกาศให้ผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อโควิด กักตัวเพียง 7 วัน และจับตาสุขภาพที่บ้านอีก 3 วันด้วย จากที่ก่อนหน้านี้ต้องกักตัวอย่างน้อย 14 วัน
จีนรายงานว่า มีผู้ติดเชื้อโควิดที่มีอาการและได้รับการยืนยันแล้ว 1 คน ในมณฑลกวางตุ้งและอีก 21 คนที่ไม่มีอาการ แต่ทั้งปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ ไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อทั้ง 2 แบบ