SUPEREIF เตรียมจ่ายปันผลครั้งที่ 11 ในอัตรา 0.09094 บาทต่อหน่วย

SUPEREIF เตรียมจ่ายปันผลครั้งที่ 11 ในอัตรา 0.09094 บาทต่อหน่วย

SUPEREIF เตรียมจ่ายปันผลครั้งที่ 11 ในอัตรา 0.09094 บาทต่อหน่วย และเงินคืนทุนครั้งที่ 2 ในอัตรา 0.140 บาทต่อหน่วย วันที่ 13 กันยายน 2565 นี้

นายพรชลิต  พลอยกระจ่าง  รองกรรมการผู้จัดการ  Head of Real Estate & Infrastructure Investment บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หรือBBLAM เปิดเผยว่า กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี (SUPEREIF) จะจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 11 จากผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 หรือระหว่างวันที่  1  เมษายน – 30 มิถุนายน 2565 และกำไรสะสม ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.09094 บาท และจะจ่ายเงินคืนทุนครั้งที่ 2 จากผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 หรือระหว่างวันที่  1  เมษายน – 30 มิถุนายน 2565 ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.140บาท  โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน เพื่อกำหนดสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 29 สิงหาคม 2565  และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 13 กันยายน 2565

 

เมื่อนับรวมตั้งแต่จัดตั้งกองทุน  จนถึงการประกาศจ่ายเงินปันผลครั้งล่าสุด SUPEREIF จ่ายเงินปันผลรวม 11 ครั้ง คิดเป็นเงิน  2.32125 บาท   ต่อหน่วย   และจ่ายเงินคืนทุนไป  2  ครั้ง   คิดเป็นเงิน  0.180 บาทต่อหน่วย  รวมเป็นเงินปันผลและเงินคืนทุนที่จ่ายออกไปทั้งสิ้น 2.50125 บาทต่อหน่วย

สำหรับสรุปผลการดำเนินงานครึ่งแรกปี  2565  พบว่า  มีรายได้รวมเท่ากับ  442.2 ล้านบาท    ลดลง   3.9% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนรายได้จากการลงทุนสุทธิอยู่ที่ 358.5 ล้านบาท ลดลง 3.1% จากงวดเดียวกันของปีก่อน สำหรับอัตรากำไรจากรายได้จากการลงทุนสุทธิในช่วงครึ่งแรกปี   2565  เท่ากับ  81.1%  เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่ 80.4%

ด้านผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 ปี 2565 นั้น กองทุน SUPEREIF มีรายได้ลดลง 2.8% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน  และลดลง 4.2% จากไตรมาสก่อน  เป็น  216.4 ล้านบาท   ส่วนรายได้จากการลงทุนสุทธิลดลง 1.6% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และลดลง 5.5% จากไตรมาสก่อนเป็น 174.2 ล้านบาท อย่างไรก็ดี อัตรากำไรจากรายได้จากการลงทุนสุทธิ สำหรับไตรมาส 2 ปี 2565 เท่ากับ 80.5% เทียบกับ 79.6% ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และ 81.6% ในไตรมาสก่อน

ทั้งนี้ กองทุนรวม SUPEREIF ลงทุนในสิทธิในรายได้สุทธิจากการดำเนินโครงการกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินขนาดเล็กมากของบริษัท 17 อัญญวีร์ โฮลดิ้ง จำกัด และ บริษัท เฮลท์ แพลนเน็ท เมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 19 โครงการ ตั้งอยู่ในพื้นที่ 8 จังหวัด ได้แก่ ปทุมธานี สระบุรี สมุทรสาคร สมุทรปราการ  ปราจีนบุรี  สระแก้ว  พิจิตร   และเพชรบูรณ์    โดยมีปริมาณพลังไฟฟ้าสูงสุดที่เสนอขายตามที่ระบุในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือการไฟฟ้านครหลวง (แล้วแต่กรณี) รวม 118 เมกะวัตต์

ขณะที่ ระยะเวลาโอนสิทธิรายได้สุทธิ  เริ่มตั้งแต่วันที่  14 สิงหาคม 2562  จนถึงวันสิ้นสุดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแต่ละโครงการ ซึ่งระยะเวลาซื้อขายไฟฟ้าภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโครงการโรงไฟฟ้าทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 21-22 ปี นับจากวันที่ 14 สิงหาคม 2562 โดยวันสิ้นสุดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าโครงการสุดท้ายจะสิ้นสุดในวันที่ 26 ธันวาคม 2584

ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจ ลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน

ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

BBLAM

16 สิงหาคม 2565