โดย ดร.มิ่งขวัญ ทองพฤกษา Chief Economist, BBLAM

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจจีนดูน่ากังวล ตัวเลขผู้ติดเชื้อกลับมาที่ระดับสูงสุดในรอบสามเดือน และยังเกิดภาวะภัยแล้งในหลายจังหวัดทำให้เกิดภาวะพลังงานขาดแคลน จำเป็นต้องปิดโรงงานในเสฉวน เนื่องจากไฟมีไม่พอให้รันการผลิต

หลายๆ House ออกมาปรับประมาณการ GDP Growth ลงจากห้ากลางๆ เหลือสามปลายๆ  ขณะที่ทางการจีนก็กล่าวว่า อาจจะปล่อยให้เป้าหมาย GDP ปีนี้ยืดหยุ่นขึ้น

แปลว่า GDP Growth Target ปีนี้คงไปไม่ถึง 5.5% อย่างที่รัฐบาลได้กำหนดไว้

แต่กลายเป็นว่า หุ้นจีนกลับไม่ไถลลงแรง หนำซ้ำดัชนีหุ้นสำคัญๆ ของจีนดูเหมือนพยายามที่จะ Recover กลับมาได้จากที่ทำ Low ไปเมื่อต้นเดือน ส.ค.

นั่นอาจเป็นเพราะ

ธนาคารกลางจีน หรือ PBoC ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยสำคัญลง ได้แก่

1-year MLF Rate หรือ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 1 ปีลง 10 bps สู่ 2.75% (ธนาคารกลางจีนใช้ดอกเบี้ยตัวนี้เป็นดอกเบี้ยที่ใช้ชี้นำนโยบายการเงิน หรือ Anchored Rate)

จึงเป็นผลให้ดอกเบี้ยสำคัญอีกสองตัว ได้แก่ 1-year Loan Prime Rate ลงไป 5 bps และ 5-year Loan Prime Rate ปรับลดลงไปด้วยอีก 15 bps  สู่ 3.65% และ 4.30% ตามลำดับ

อัตราดอกเบี้ยที่ปรับลดอาจจะดูจะน้อยไปเมื่อเทียบกับตลาดต้องการ

อารมณ์คงเหมือน ขอต่อราคาเสื้อ 50 บาท แต่คนขายกลับลดให้ 5 บาท แถมบอกว่านี่เต็มที่แล้ว

“ลดแบบนี้ อย่าลดดีกว่า”

แต่อย่างน้อยในแง่ตลาดก็คงเห็นแนวโน้มของ PBoC ที่ผ่อนคลายลง จากที่เคยดึงดอกเบี้ยไว้ตั้งแต่เดือน ม.ค.

พร้อมกันนี้ ทางการจีนยังออกมาส่ง Signal ให้รัฐบาลท้องถิ่นว่า

เพดานหนี้การคลังที่ 21.8 ล้านล้านหยวน ยังใช้ไม่หมด เงินเหลือเท่าไหร่ ช่วยไปทำขอใช้งบให้หมด

รัฐบาลท้องถิ่นดีดลูกคิดกันใหญ่ ปรากฏว่า ยังเหลืองบอีก 1.5 ล้านล้านหยวน ก็คงต้องรีบใช้ให้หมดในเร็วๆ นี้

นอกเหนือไปจากนั้น ทางการจีนได้ออกมาตรการกระตุ้นรายอุตสาหกรรมด้วย อาทิ ขยายมาตรการลดหย่อนภาษีรถยนต์ EV ไปถึงปีหน้า ออกมาตรการ Bond Guarantee ให้กับ Onshore Bond ที่ออกโดย Developer บางรายแล้ว และยังออกมาตรการปล่อยสินเชื่อให้กับ Developer ที่ประสบกับปัญหาสภาพคล่องด้วย

จริงอยู่ว่า ภาพเศรษฐกิจจีนอาจจะยังดูไม่ดีนัก แต่อย่างน้อย ทางการจีนก็ทยอยออกมาตรการมาอุดทุกทางแล้ว ไม่ว่าจะเป็น นโยบายการเงิน การคลัง และมาตรการเฉพาะอุตสาหรรม เพื่อประคองเศรษฐกิจจีนไว้

จึงอาจจะพอเป็นเหตุผลได้บ้างว่า

ทำไมหุ้นจีนกลับไม่ไถลลงแรงและดูว่า Downside จะ Limit มากขึ้น

ขออย่างเดียว อย่าให้จำนวนผู้ติดเชื้อดูแย่ลงไปกว่านี้ จนต้องปิดเมืองสำคัญๆ อีก

หุ้นจีนก็อาจจะพอยืนได้จากนี้ไปถึงสิ้นปี เนื่องจากซับข่าวร้ายไปมากมายแล้ว