สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2565 ว่า ราคาน้ำมันดิบขยับขึ้นในวันพฤหัสบดี เป็นผลจากความกังวลเรื่องกำลังการผลิตตึงตัว ท่ามกลางการหยุดชะงักของการส่งออกของรัสเซีย ศักยภาพของผู้ผลิตรายใหญ่ในการลดการผลิต และการปิดโรงกลั่นของสหรัฐบางส่วน
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เพิ่มขึ้น 59 เซนต์ หรือ 0.6% เป็น 101.81 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (04.00 GMT) ขณะที่สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้าสหรัฐ (West Texas Intermediate) เพิ่มขึ้น 42 เซนต์ หรือ 0.4% เป็น 95.31 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยสัญญาซื้อขายทั้งสองฉบับแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลจากการที่รัฐมนตรีพลังงานซาอุดีอาระเบียระบุถึงความเป็นไปได้ที่องค์กรประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพันธมิตร (OPEC+) จะลดการผลิตลง
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยข้อตกลงเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านที่ยังคงหยุดชะงัก ทำให้เกิดคำถามว่าการส่งออกของอิหร่านจะกลับมาอีกครั้งหรือไม่
นักวิเคราะห์ของ Citi ระบุว่า “ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากเจ้าหน้าที่ซาอุดิอาระเบียแสดงความเต็มใจที่จะปกป้องราคาผ่านการลดกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+ หากจำเป็น”
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความไม่แน่นอนสำหรับ OPEC+ ที่จะให้เหตุผลในการลดกำลังการผลิตท่ามกลางการเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลงนิวเคลียร์ของอิหร่านที่กำลังดำเนินอยู่ และภาพเศรษฐกิจมหภาคที่แย่ลงเมื่อวิกฤติพลังงานเลวร้ายลง
ขณะที่น้ำมันดิบและสต็อกสินค้าของสหรัฐที่ลดลงยังเพิ่มแรงกดดันต่อราคาอีกด้วย สินค้าคงคลังน้ำมันลดลง 3.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ 19 ส.ค. ที่ 421.7 ล้านบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากความคาดหวังของนักวิเคราะห์ในการสำรวจของรอยเตอร์ที่ลดลง 933,000 บาร์เรล
ที่มา: บลูมเบิร์ก