ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบกว่า 1,000 จุด หลังนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวในงานประชุมประจำปีที่เมืองแจ็กสัน โฮล ว่า จะไม่ยอมถอยให้กับอัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา
ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลดลง 1,008.38 จุด หรือ 3.03% ที่ระดับ 32,283.40 จุด ในวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยนักลงทุนเทขายหุ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงช่วงปิดตลาด ขณะเดียวกัน ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดลบ 3.37% ที่ระดับ 4,057.66 จุด และดัชนีแนสแด็ก คอมโพสิต ปิดลบ 3.94% ที่ระดับ 12,141.71 จุด
การเทขายหุ้นในวันศุกร์เกิดขึ้นหลังพาวเวลล์กล่าวในงานประชุมที่ แจ็กสัน โฮล โดยมีความมุ่งมั่นที่จะหยุดอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ โดยจะใช้เครื่องมือทางการเงินที่มีเข้าช่วยเหลืออย่างแข็งขันเพื่อสู้กับเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงสุดรอบ 40 ปี และยังกล่าวเตือนว่า ธนาคารกลางคาดว่า จะยังคงปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีก ซึ่งจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา
ถึงแม้ว่า เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยไปแล้วถึง 4 ครั้งก็ตาม ในอัตรารวมทั้งสิ้น 2.25% พาวเวลล์ยังระบุว่า ยังไม่สามารถที่จะหยุดการขึ้นดอกเบี้ยได้ โดยอัตราดอกเบี้ยนโยบายในขณะนี้อยู่ในช่วงที่ถือว่าไม่เป็นการกระตุ้น หรือจำกัดการเติบโต
ประธานเฟด ระบุว่า อัตราดอกเบี้ยในระดับสูง การเติบโตที่ช้าลง และตลาดแรงงานที่ชะลอตัว จะทำให้อัตราเงินเฟ้อผ่อนคลายลงได้ แต่นั่นก็จะสร้างความลำบากให้กับครัวเรือน และกิจการต่างๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือว่า เป็นต้นทุนที่น่าเสียดายสำหรับการทำให้เงินเฟ้อลดลง แต่ความล้มเหลวในการสร้างสมดุลด้านราคาจะยิ่งทำให้เกิดความลำบากที่มากกว่า
ขณะเดียวกัน ตัวเลขทางเศรษฐกิจในส่วนอื่นๆ ต่างก็ชะลอตัวลงเช่นกัน เช่น ราคาที่อยู่อาศัยกำลังปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว และนักเศรษฐศาสตร์ยังมองว่า อัตราการจ้างงานที่เคยพุ่งขึ้นสูงในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาจะเริ่มชะลอตัว
อย่างไรก็ตาม พาวเวลล์ยังกล่าวว่า จุดสำคัญที่เฟดมองไว้ไม่ใช่เพียงตัวเลขในเดือน หรือสองเดือนข้างหน้านี้ แต่เป็นการมองที่กว้างกว่านั้น และคาดว่าน่าจะยังคงดำเนินนโยบายดอกเบี้ยไปจนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะอ่อนตัวใกล้เป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 2%
ทั้งนี้ อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกามีตัวเลขติดลบต่อเนื่องกันมาแล้วสองไตรมาส ซึ่งเข้าข่ายนิยามของคำว่า “ภาวะถดถอย” แต่ทั้งพาวเวลล์ และนักวิเคราะห์หลายสำนักยังมองว่าแท้จริงแล้วเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังแข็งแกร่ง แม้จะเติบโตช้าลงก็ตาม
ด้านตลาดยังมองไปถึงการประชุมเฟดในเดือนกันยายนนี้ที่คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นอีก 0.75% เป็นรอบที่สามติดต่อกัน จากคำพูดของประธานเฟดที่ระบุว่าการตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับตัวเลขเศรษฐกิจ และแนวโน้ม ซึ่งเมื่อถึงจุดที่นโยบายการเงินตึงตัวมากขึ้นอีก ก็อาจเป็นเหตุอันเหมาะสมที่จะชะลอความเร็วในการขึ้นดอกเบี้ยลง
จากผลสำรวจนักลงทุนในตลาดพบว่า ความเป็นไปได้จากการคาดการณ์การขึ้นดอกเบี้ยของเฟดระหว่าง 0.50% และ 0.75% อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน โดยความเป็นไปได้ของการขึ้น 0.75% ณ เช้าวันศุกร์ หลังจากที่พาวเวลล์ขึ้นพูดที่ แจ็กสัน โฮล อยู่ที่ 54.5% โดยอ้างอิงจากหน่วยวัด FedWatch ของ CME Group
ทั้งนี้ การประกาศที่แข็งกร้าวของเฟดนั้น อาจมาจากบทเรียนในประวัติศาสตร์ที่ย้อนกลับไปเมื่อ 40 ปีก่อนในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1970 ที่ทางธนาคารกลางไม่ได้มีมาตรการที่เข้มงวด เมื่อคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อระบุว่า จะอยู่ในระดับที่สูงอย่างต่อเนื่อง ทำให้เฟดต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ จนเป็นเหตุนำมาสู่ภาวะถดถอยในช่วงต้นคริสต์ทศวรรษที่ 1980
ที่มา: ซีเอ็นบีซี