กองทุนผสมบีซีเนียร์สาหรับวัยเกษียณ (B-SENIOR), กองทุนผสมบีซีเนียร์สาหรับวัยเกษียณ เอ็กซ์ตร้า (B-SENIOR-X), กองทุนเปิดบัวหลวงอินคัม (B-INCOME) และ กองทุนเปิดบัวหลวงอินคัมเพื่อการออม (B-INCOMESSF)
ตราสารหนี้
• ตลาดมีความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ IMF ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจในปีนี้ลงเหลือ 2.3% จากเดิมคาดการณ์ไว้ที่ 2.9% จากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ชะลอตัวลง แม้แนวโน้มเศรษฐกิจจะเริ่มส่งสัญญาณการชะลอตัวลง แต่ด้วยภาวะเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูงทำให้ในช่วงที่ผ่านมาธนาคารกลางหลายประเทศยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่อง นำโดยธนาคารกลางสหรัฐฯ ธนาคารกลางยุโรป ธนาคารกลางอังกฤษ รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทยด้วย เมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทยมีมติ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 0.75% สำหรับอัตราเงินเฟ้อของไทย กระทรวงพาณิชย์รายงานอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนกรกฏาคม อยู่ที่ 7.61% ชะลอตัวลงจาก 7.66% ในเดือนก่อน โดยปัจจัยหลักยังคงเป็นผลจากราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้นถึง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (ไม่รวมอาหารสดและพลังงาน) อยู่ที่ 2.99% เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากระดับ 2.51% ในเดือนก่อน บ่งชี้ถึงการส่งผ่านราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย
• แนวโน้มตลาดตราสารหนี้ไทยในระยะต่อไป คาดว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นตามคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ขณะที่ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวยังคงมีทิศทางผันผวนตามการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ โดยปัจจุบันตลาดให้น้ำหนักกับทิศทางการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ค่อนข้างมาก ขณะที่ คณะกรรมการของธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังคงแสดงความกังวลต่อภาวะเงินเฟ้อที่ทรงตัวในระดับสูงและยืนยันที่จะดำเนินนโยบายการเงินอย่างเข้มงวดมากขึ้น ทำให้เกิดความแตกต่างกันระหว่างทิศทางของตลาดกับผู้กำหนดนโยบายการเงิน ซึ่งจะนำไปสู่ความผันผวนของตลาดได้ในระยะต่อไป
ตราสารทุน
• ตลาดหุ้นโลกยังคงได้รับอิทธิพลจาก 2 ปัจจัยหลักจากแนวโน้มนโยบายการเงินและทิศทางของภาวะเศรษฐกิจ การที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ ปรับตัวลงในช่วงที่ผ่านมา และเครื่องชี้กิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ เริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวลง ทำให้ตลาดหันมาให้ความสาคัญกับความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะเกิดภาวะถดถอยมากขึ้น และความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยนี้ อาจทำให้แนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ไม่ได้มากอย่างที่คาด เป็นการช่วยลดแรงกดดันต่อสินทรัพย์เสี่ยง ในระยะข้างหน้าทิศทางของภาวะเศรษฐกิจ นโยบายการเงิน และแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อ จะยังคงเป็นปัจจัยสำคัญสาหรับการลงทุน
• ด้านตัวเลขเศรษฐกิจ เศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่งสัญญาณชะลอลงสะท้อนผ่านดัชนี ISM ภาคการผลิตและบริการ รวมถึงความเชื่อมั่นผู้บริโภค ที่ปรับตัวลดลงต่ำสุดในรอบราว 2 ปี โดยยังมีตลาดการจ้างงานที่ยังคงแข็งแกร่ง ด้านเศรษฐกิจยูโรโซน ยังคงได้รับผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อและด้านพลังงาน และอาจมีความเสี่ยงที่จะขาดแคลนพลังงานเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาวช่วงปลายปี ขณะที่การผ่อนปรนมาตรการการคว่ำบาตรด้านพลังงาน รวมถึงการลงนามข้อตกลงเปิดท่าเรือทะเลดาเพื่อส่งออกอาหารและธัญพืชชั่วคราว ช่วยลดแรงกดดันเงินเฟ้อในวงกว้างได้ ด้านเศรษฐกิจจีน ภายหลังการผ่อนปรนมาตรการ Lockdown ของภาครัฐ กิจกรรมเศรษฐกิจในประเทศจีนฟื้นตัวดีขึ้นจากฐานต่ำ แต่การฟื้นตัวกลับไม่ได้มีความต่อเนื่องนัก เศรษฐกิจจีนในครึ่งปีหลังยังคงมีความไม่แน่นอนจากนโยบาย Zero-COVID อาจทำให้ภาครัฐออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยภาพรวมเศรษฐกิจโลกในครึ่งปีหลังยังมีแนวโน้มชะลอตัวลง
• ด้านตลาดหุ้นไทย ปรับตัวตามตลาดหุ้นโลก มีความกังวลว่า กำลังซื้อจะชะลอลงจากเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น รวมทั้งการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด แต่ปัจจัยพื้นฐานด้านเศรษฐกิจยังคงมีความหวังขยายตัวได้จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศและภาคการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มฟื้นตัว
• กลยุทธ์การลงทุนยังคงเน้นหุ้นที่คาดหวังผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัวจากเศรษฐกิจในประเทศและการเปิดรับนักท่องเที่ยว โดยเพิ่มน้ำหนักกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่เริ่มปรับตัวลงในช่วงที่ผ่านมา
สินทรัพย์ทางเลือก
• แนวโน้มดอกเบี้ยของไทยมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นมากกว่าที่คาดก่อนหน้า ซึ่งส่งผลกระทบต่อ Valuation และกำไรของสินทรัพย์ กลุ่ม Property Fund / REITs / Infrastructure Fund ซึ่งหากดอกเบี้ยนโยบายของไทยปรับ ขึ้น 50bps คาดว่าจะกระทบต่อ Valuation ของกลุ่มประมาณ 4% ในขณะที่จะกระทบต่อกาไรประมาณ 4-10% ต่อปี อย่างไรก็ตาม กลุ่มนี้ยังสามารถใช้เป็นเครื่องมือเพื่อกระจายความเสี่ยงของพอร์ตและเป็นแหล่งกระแสเงินสดที่น่าสนใจ โดยปัจจุบันอัตราเงินปันผลคาดการณ์อยู่ที่ระดับ 6.5% ในปี 2022
• ราคาทองคำอยู่ในทิศทางขาลง เนื่องจากถูกกดดันจากการแข็งค่าขึ้นของค่าเงินดอลลาร์เป็นหลัก ทั้งนี้ ทองคำมีแรงขายจากนักลงทุนฝั่ง ETF และ Hedge Fund ขณะที่ความต้องการที่เป็นทองคำสำหรับรายย่อยถูกกดดันจากรัฐบาลอินเดียปรับเพิ่มภาษีการนำเข้าทองคำ จาก 7.5% เป็น 12.5% เพื่อบรรเทายอดการขาดดุลการค้า แต่มองว่า ปัจจัยนี้เป็นปัจจัยชั่วคราว เมื่อมองไปในอนาคต ดีมานด์ต่อทองคำยังไม่ชัดเจน จากการที่นักลงทุนมองว่าทิศทางเงินดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่อง
พอร์ตการลงทุนไตรมาสที่ผ่านมา
B-SENIOR : ในส่วนตราสารหนี้ กองทุนลดน้ำหนักพันธบัตรระยะกลางถึงยาว โดยเพิ่มสัดส่วนพันธบัตรระยะสั้นและหุ้นกู้อายุไม่เกิน 3 ปี โดยลดสัดส่วนหุ้นกู้ระยะกลางถึงยาว โดยอายุเฉลี่ยของพอร์ต (Portfolio duration) ลดลงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ส่วนตราสารทุนกองทุนเพิ่มน้ำหนักในหุ้นกลุ่มธนาคาร พาณิชย์ และกลุ่มเดินทางขนส่ง โดยลดสัดส่วนในหุ้นกลุ่มพลังงาน โรงพยาบาล ไฟแนนซ์ และสื่อมีเดีย นอกจากนี้ กองทุนยังได้เพิ่มน้ำหนักในกองทุนโครงสร้างพื้นฐานกลุ่มโทรคมนาคม
B-SENIOR-X :
• ในส่วนตราสารหนี้ กองทุนลดสัดส่วนการลงทุนในพันธบัตรและหุ้นกู้ระยะกลางถึงยาว โดยเพิ่มสัดส่วนพันธบัตรระยะสั้นและหุ้นกู้อายุไม่เกิน 3 ปี กองทุนยังได้ลดสัดส่วนกองทุนตราสารหนี้ทั่วโลก (Global Bond) และกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นในตลาดเกิดใหม่ (Emerging Short Duration Bond) ทั้งนี้ อายุเฉลี่ยของพอร์ต (Portfolio Duration) ลดลงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน
• ส่วนตราสารทุนในประเทศ กองทุนเพิ่มสัดส่วนในหุ้นธนาคาร พาณิชย์ และกลุ่มเดินทางขนส่ง โดยลดน้ำหนักหุ้นกลุ่มพลังงาน ไฟแนนซ์ และสื่อมีเดีย สาหรับหุ้นต่างประเทศ ลดน้ำหนักหุ้นกลุ่มเดินทางขนส่งในอาเซียน เพิ่มสัดส่วนหุ้น Ecommerce ของสหรัฐ และ กอง ETF ที่ลงทุนในหุ้นเวียดนาม
• สำหรับสินทรัพย์ทางเลือก กองทุนยังได้ลดน้ำหนักในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ประเภทคลังสินค้าและนิคมอุตสาหกรรมของสิงคโปร์ โดยเพิ่มน้ำหนักในกองทุนโครงสร้างพื้นฐานกลุ่มโทรคมนาคมของไทย
B-INCOME :
• ในส่วนตราสารหนี้ กองทุนลดสัดส่วนการลงทุนในพันธบัตรและหุ้นกู้ระยะกลางถึงยาว โดยเพิ่มสัดส่วนพันธบัตรระยะสั้นและหุ้นกู้อายุไม่เกิน 3 ปี กองทุนยังได้ลดสัดส่วนกองทุนตราสารหนี้ทั่วโลก (Global Bond) และกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นในตลาดเกิดใหม่ (Emerging Short Duration Bond) ทั้งนี้ อายุเฉลี่ยของพอร์ต (Portfolio Duration) ลดลงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน
• ส่วนตราสารทุน ผู้จัดการกองทุนได้ลดน้ำหนักหุ้นกลุ่มพลังงาน สื่อสาร และอสังหาริมทรัพย์ โดยลงทุนเพิ่มในกลุ่มบรรจุภัณฑ์
• สาหรับ Property Fund/REITs/Infrastructure Fund กองทุนลดสัดส่วนกองทุนอสังหาริมทรัพย์กลุ่มอาคารสำนักงาน และกองทุนอสังหาริมทรัพย์ของสิงค์โปร์ ประเภทคลังสินค้าและนิคมอุตสาหกรรม นอกจากนี้ กองทุนได้ลดน้ำหนักในกองทุนโครงสร้างพื้นฐานกลุ่มโทรคมนาคมและโรงไฟฟ้า โดยเพิ่มน้าหนักในกลุ่มเดินทางขนส่ง
Disclaimer: เอกสารนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยการรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ ทั้งนี้ บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องครบถ้วน หรือความสมบูรณ์ของข้อมูลดังกล่าวได้ และบริษัทฯ อาจเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า เอกสารนี้ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน มิได้มีวัตถุประสงค์ชักชวน ชี้นำ ให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจลงทุนทางการเงิน หรือการตัดสินใจในทางธุรกิจแต่อย่างใด ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังและวิจารณญาณจากการใช้ข้อมูลบางส่วนหรือทั้งหมดของเอกสารฉบับนี้
ผู้ลงทุนต้องศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง ก่อนการตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต