ซีเอ็นบีซี รายงานว่า ราคาคริปโตเคอเรนซี หรือสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น บิทคอยน์ร่วงลงอย่างหนัก วันจันทร์ที่ 7 พ.ค. ที่ผ่านมา อยู่ที่ระดับต่ำกว่า 9,188.66 ดอลลาร์สหรัฐ หลังจากเคยไต่ขึ้นไปเหนือ 9,900 ดอลลาร์สหรัฐได้สุดสัปดาห์
ตัวเลขนี้อ้างอิงจาก CoinDesk เว็บไซต์ข้อมูคริปโตเคอเรนซี ซึ่งราคาที่ร่วงลงมานี้ ไต่ระดับขึ้นมาแล้ว 40% จากที่เคยลงไปต่ำสุดที่ 6,700 ดอลลาร์สหรัฐ ปลายเดือนก่อนหน้าและไม่เคยกลับมายืนเหนือ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐได้
ทั้งนี้ เป็นผลจาก วอร์เรน บัฟเฟตต์ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ ออกมาวิจารณ์ในวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า บิทคอยน์ เป็นสินทรัพย์ที่ไม่ได้สร้างอะไร เมื่อคุณซื้อสินทรัพย์ที่ไม่ได้มีความสามารถใดๆ สิ่งที่คุณทำได้คือ นั่งรอคนต่อไปที่จะจ่ายมากขึ้นเพื่อซื้อมันไป ซึ่งก็เป็นเรื่องน่าตื่นเต้น และก่อนหน้านี้ วอร์เรน บัฟเฟตต์ เรียกบิทคอยน์ว่า เหมือนยาเบื่อหนู
ขณะที่ บิล เกตส์ ผู้ร่วมก่อตั้ง ไมโครซอฟท์ ก็กล่าวไว้เช่นกันว่า เขามองคริปโตเคอเรนซี คือสินทรัพย์ที่ไม่ได้มีผลผลิตใดๆ ออกมา ไม่สามารถคาดเดาได้เลยสำหรับการเติบโต สิ่งนี้เป็นเหมือนกับลักษณะการลงทุนที่โง่เขลา
นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สหรัฐ รวมถึง ตลาดอนุพันธ์ของสหรัฐ หรือ Commodity Futures Trading Commission (CFTC) ประชุมกันเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เป็นอีกปัจจัยส่งผลลบกับราคาบิทคอยน์
“ฉันคิดว่า สิ่งที่ วอร์เรน บัฟเฟตต์และบิล เกตส์ แสดงความเห็นมีผลกระทบกับตลาด แต่ปัจจัยที่มีผลกระทบยิ่งกว่าต่อการเล่นคือกฎเกณฑ์ต่างๆ โดยตลาดมีความกังวลว่า ก.ล.ต. สหรัฐจะมีความคิดเห็นเชิงลบออกมา” สเปนเวอร์ โบการ์ด หุ้นส่วนของ บล็อคเชน แคปปิตอล กล่าวไว้
ทางด้านเดอะ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล รายงานเมื่อปลายสัปดาห์ก่อนว่า กลุ่มผู้คุมกฎเกฑ์ ประกอบด้วย ผู้อาวุโสใน ก.ล.ต. และ CFTC มีแผนที่จะพูดคุยกันเกี่ยวกับเกณฑ์การกำกับหลักทรัพย์ที่จะนำมาปรับใช้กับคริปโตเคอเรนซี