โดย พริ้มพัชร จิรบวรพงศา, AFPTTM
ใกล้เข้าสู่ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีแล้ว วัยทำงานที่ต้องเสียภาษีแล้วอย่างเรา น่าจะกำลังมองหาการลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีกันอยู่ โดยการลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีมีให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ที่มีความคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป ประกันแบบบำนาญ รวมถึงการลงทุนภาคสมัครใจ (กึ่งบังคับนิดๆ) ที่ทางบริษัทจัดหาให้อย่างกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD : Provident Fund) หรือที่ทางหน่วยงานรัฐจัดหาให้กับเจ้าหน้าที่ อย่าง กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ฯลฯ
การลงทุนในผลิตภัณฑ์การลงทุนต่างๆ นี้ ช่วยให้เราสามารถนำค่าเบี้ยประกันที่ได้ชำระไปในทุกๆ ปี หรือเงินส่วนของตัวเองที่ได้สะสมเข้าไปลงทุน มายื่นเป็นรายการลดหย่อนเพื่อแบ่งเบาภาระภาษีของเราในแต่ละปีได้ แต่โดยทั่วไปแล้วก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เราเสียภาษีน้อยลงตามที่ต้องการ
การลงทุนในกองทุนรวมลดหย่อนภาษี SSF และ RMF จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ โดยคำถามที่หลายคนน่าจะอยากรู้คือ เราควรเลือกลงทุนอะไรดี? ระหว่างกองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว (SSF : Super Saving Fund) หรือกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF : Retirement Mutual Fund) ซึ่งเราควรต้องพิจารณาจากเป้าหมายในการลงทุนก่อนเป็นอันดับแรก
โดยกองทุนรวม SSF เหมาะสำหรับเป้าหมายลงทุนระยะยาวตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป และเป็นการลงทุนที่ผู้ลงทุนเอง อาจจะไม่ได้ต้องการลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีต่อเนื่องทุกปี อย่างเช่นวัยทำงานที่ทำอาชีพอิสระ หรือบางอาชีพที่ได้เงินจากค่าคอมมิชชั่น ฯลฯ ทำให้รายได้ในแต่ละปีไม่สม่ำเสมอ การลงทุนในกองทุนรวม SSF ที่มีเงื่อนไขว่า “ไม่จำเป็นต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี” จึงน่าจะตอบโจทย์มากกว่า แต่สำหรับผู้ลงทุนที่มีเป้าหมายลงทุนระยะยาวเพื่อวัยเกษียณ การลงทุนในกองทุน RMF นั้นเหมาะสมมากกว่าแน่นอน เพราะด้วยเงื่อนไขในการลงทุนที่กำหนดให้ต้องลงทุนต่อเนื่อง ช่วยให้เราเกิดความสม่ำเสมอในการลงทุน เป็นการสะสมความมั่งคั่งที่ดีได้ในระยะยาว
ส่วนประเด็นที่ว่า “ควรลงทุนยังไงดี?” นั้น สิ่งสำคัญควรต้องพิจารณาที่ความสามารถในการยอมรับความเสี่ยงของตัวเองก่อน และควรพิจารณาในเรื่องของเทรนด์การลงทุนในอนาคตร่วมด้วย อย่างในปัจจุบัน จะเห็นได้ว่า เทรนด์เทคโนโลยีกำลังมาแรง และกำลังเติบโตอยู่ในหลายๆ หมวดอุตสาหกรรม อย่างเช่น Fin-Tech ก็ไม่ได้จำกัดการเติบโตอยู่ที่สถาบันการเงินเท่านั้น แต่ยังมีส่วนในการช่วยขับเคลื่อนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ e-Commerce ด้วย หรือจะเป็นการที่หลายๆ อุตสาหกรรม พยายามที่จะขับเคลื่อนธุรกิจของตัวเองด้วยการใช้พลังงานสะอาด (Clean Energy) สิ่งต่างๆ นี้เป็นการเคลื่อนไหวตามเทรนด์โลก และส่วนหนึ่งก็มาจากแรงผลักดันทางการเมืองของภาครัฐ ทั้งจากในประเทศและจากนานาประเทศตามข้อตกลง รวมถึงสนธิสัญญาต่างๆ ที่มีร่วมกัน
ดังนั้น การเลือกลงทุนในกองทุนรวมลดหย่อนภาษี ไม่ว่าจะเป็น SSF หรือ RMF จึงควรเลือกลงทุนในกองทุนที่มีนโยบายสอดคล้องไปตามเทรนด์โลก เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนระยะยาว และช่วยให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายในการลงทุนได้ ซึ่งโดยส่วนใหญ่นโยบายลงทุนที่สามารถตอบโจทย์ได้ในปัจจุบัน ก็มักจะเป็นการลงทุนในหุ้น ซึ่งผู้ลงทุนควรจัดสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่ตัวเองสามารถยอมรับได้ เพื่อลดความไม่สบายใจที่เกิดจากการลงทุน รวมถึงควรกระจายความเสี่ยงในการลงทุนให้เหมาะสม ด้วยการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย เช่น ตราสารหนี้ หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ ซึ่งอาจจะกระจายความเสี่ยงด้านภูมิภาคร่วมด้วยก็ได้ ฝั่งสหรัฐบ้าง ฝั่งจีนบ้าง ฝั่งเอเชียบ้าง เพื่อถ่วงดุลความผันผวน และอาจเพิ่มเติมสินทรัพย์ทางเลือกอย่างทองคำไปด้วยก็ได้
โดยปัจจุบันกองทุนรวมลดหย่อนภาษี SSF และ RMF ของ BBLAM มีให้เลือกหลากหลายนโยบายลงทุน สามารถเลือกลงทุนได้ตามเป้าหมาย และตามความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของตัวเราเอง ทั้งนี้ ก่อนลงทุนในกองทุนรวมลดหย่อนภาษีทุกครั้ง อย่าลืมศึกษาเรื่องเงื่อนไขในการลงทุน ไม่ว่าจะเป็น สิทธิในการซื้อ และข้อกำหนดในการขายคืนเพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีด้วย