2022 – Opportunities are never lost |
INVESTMENT STRATEGY
BBLAM X Fidelity International
เมื่อ BBLAM ร่วมกับพันธมิตรระดับโลก อย่าง Fidelity International – ผู้จัดการกองทุน Fidelity Funds – Global Technology Fund ซึ่งเป็นกองทุนหลักของกองทุน B-INNOTECH และเป็นการพบกันระหว่าง Ms. Radhika Surie ซึ่งเป็น Investment Director จาก Fidelity International กับ คุณมทินา วัชรวราทร CFA® Head of Investment Strategy จาก BBLAM
การพบกันครั้งนี้ทั้งสองท่านตั้งใจจะนำเสนอมุมมองว่า ในช่วงที่หุ้นเทคฯ ถูกกดดันอย่างหนักจากนโยบายปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างรุนแรง นักลงทุนที่มีหุ้นเทคฯ อยู่ในพอร์ตควรจะจัดการอย่างไรดี ทั้งนี้ ทั้งสองบริษัทจัดการต่างเข้าใจความรู้สึกของนักลงทุน จึงเป็นที่มาของการออกมาคุยกันในครั้งนี้ (โปรดชมบทสรุปจากคลิปวิดีโอข้างต้น)
หุ้นเทคเป็นหนึ่งใน Sector ที่ถูกเทขายลงมามากที่สุด ในปีนี้ จนถึงวันนี้ Nasdaq ปรับตัวลงไปแล้ว 30% และยังอยู่ในตลาดหมีอยู่ และปรับตัวลงมามากกว่า S&P 500 ด้วยความที่ เทคฯ เป็นหุ้นเติบโตสูง คนก็เลือกจะเทขายทำกำไรหุ้นเหล่านี้ออกมาก่อน และยิ่งดอกเบี้ยปรับขึ้นแรงๆ ในปีนี้ และเฟดเปลี่ยนมุมมองที่รวดเร็วมาก มันก็ยากที่หุ้นเทคฯ จะยืนได้ และมองไปข้างหน้า เรากำลังเดินหน้าเข้าไปในช่วงเศรษฐกิจถดถอยในขณะที่เงินเฟ้อก็ยังสูง และเฟดก็บอกว่าการขึ้นดอกเบี้ยจะยังขึ้นไปได้อีกไกล ภาพออกมาเป็นอย่างนี้ เพราะฉะนั้น เรามองว่า ในช่วงนี้ เราก็ยังแนะนำคนลงทุนสั้นๆ ว่า ถือเงินสด หรือเลือกไปอยู่ใน sector ปลอดภัย หรือว่ารอก่อน แต่ถ้าคนที่ถือยาวๆ ลงทุนระยะยาวแบบประหยัดภาษี ก็ถือว่าเป็นช่วงที่ดีของท่านในการซื้อ
เพราะฉะนั้น การคุยกันในครั้งนี้ อยากมาอัพเดทเรื่องเกี่ยวกับหุ้นเทคฯ เช่น Earnings valuation เพราะมองว่า ถึงแม้ว่าวันนี้จะไม่ใช่เวลาของหุ้นเทคฯ แต่ปีหน้าอาจจะเป็นช่วงที่ไม่มีหุ้นไม่ได้ เพราะเราไม่รู้ว่า ตลาดจะ turn เมื่อไหร่ ถ้าดูในอดีตที่ผ่านมา ตลาดจะฟื้นได้ก่อน เศรษฐกิจถดถอยจะจบ แล้วตลาดก็จะฟื้นก่อนที่เฟดจะลดดอกเบี้ยด้วย ในช่วงที่ตลาดเปลี่ยนจากตลาดหมีมาเป็นขาขึ้นจะเป็นช่วงที่ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นได้มากที่สุด แต่ก็สั้นที่สุด เพราะฉะนั้น ในปีหน้า เราก็ต้องเริ่มเพิ่มหุ้นกลับเข้ามาบ้าง บางท่านก็มองว่า หุ้นเทคฯ อาจจะกลับมายาก เพราะเรื่อง Sector rotation ระหว่างหุ้นเติบโต และหุ้นคุณค่า บางท่านมองว่า ในขณะที่ดอกเบี้ยยังสูง หุ้นเติบโตจะกลับมายาก แต่ BBLAM เชื่อใน Valuation ก็คือว่า ถ้าทิศทางการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดพอจะเริ่มนิ่งแล้ว สุดท้าย สิ่งที่นักลงทุนจ่าย จะเป็นตัวกำหนดผลตอบแทนของการลงทุนของพอร์ต ถ้าจ่ายแพง ผลตอบแทน ก็จะน้อย แต่ถ้าจ่ายถูก โอกาสได้ผลตอบแทนสูงก็จะมีเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะบริษัทเทคฯ เป็นบริษัทที่มีการเติบโตสูงกว่าตลาด เพราะฉะนั้น ปกติแล้วราคาของหุ้นเทคฯ ต้องแพงกว่าหุ้นทั่วไปในตลาด ถ้าไม่มีเหตุการณ์อะไร เราก็คงต้องซื้อหุ้นเทคฯ ในราคาที่แพง หรืออาจจะไม่ได้ซื้อเลย แต่เพราะว่าตอนนี้เรามีปัจจัยกดดันหุ้นเทคฯ คือ 1. เฟดขึ้นดอกเบี้ย 2. เงินเฟ้อที่เป็นเงินเฟ้อพื้นฐานยังปรับเพิ่มขึ้น 3. ความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอย ทำให้ตอนนี้มูลค่าหุ้นเทคฯ ปรับลดลงมาจนเท่า ๆ กับตอนปลายปี 2020 เท่านั้นเอง และไม่ได้คิดว่า หุ้นเทคฯ ถูกเททั้งหมด แต่มองว่ามีบาง Sub-sector ของเทคที่น่าสนใจ เพราะฉะนั้น ถ้าสามปัจจัยนี้คลี่คลาย หุ้นเทคฯ ก็จะสามารถกลับมาได้
สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนสามารถลงทุนได้ง่ายๆ ผ่านโมบายแบงก์กิ้ง จาก ธนาคารกรุงเทพ และสำหรับผู้ลงทุนกองทุน RMF และ SSF ผ่านช่องทางของธนาคารกรุงเทพ สามารถชำระเงินลงทุนผ่านบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพได้อีกด้วย
ลูกค้า โมบายแบงก์กิ้ง จาก ธนาคารกรุงเทพ สามารถคลิกเพื่อลงทุนได้เลย B-INNOTECH / B-INNOTECHRMF / B-INNOTECHSSF
หรือลงทุนผ่าน BF Fund Trading จาก BBLAM ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://tinyurl.com/kfsebd74
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ https://www.bblam.co.th/bualuang-insights/bblam-investment-insights/25-29-2022-2