โดย อรพรรณ บัวประชุม CFP®
ยุคนี้ ไม่ว่าอะไรก็แพ๊งแพง รายได้ไม่ขึ้น ค่าตัวไม่ขึ้น แต่ค่าครองชีพขึ้นเอ๊าขึ้นเอา เงินเก็บก็แทบจะไม่เหลือ แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาลงทุนกัน ต้องบอกว่า ไม่ว่าจะยังไง ข้าวของจะแพงขนาดไหน แต่เมื่อมีรายได้เข้ามา ยังไงก็ต้องแบ่งเก็บแบ่งออมกันไว้บ้าง วันนี้ว่าของแพงแล้ว วันข้างหน้า ยิ่งไม่รู้ว่าของจะแพงขนาดไหน จะใช้เงินหมดวันนี้แล้ววันหน้าลำบาก คงไม่ใช่เราแน่ๆ ดังนั้น เมื่อตัดสินใจอดออมวันนี้ ก็ต้องมาดูกันต่อว่ าเราจะนำเงินที่ยอมอดไปลงทุนในอะไร เพื่อให้เงินสามารถสู้กับเงินเฟ้อได้ โดยเฉพาะการลงทุนในกองทุนรวม RMF และ SSF ที่ต้องใช้เวลาลงทุนระยะยาว
ดังนั้น การเลือกลงทุนในกองทุนที่เหมาะสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ ต้องการเพิ่มโอกาสในการลงทุน แต่ส่วนหนึ่งก็ต้องการความมั่นคงในการลงทุนด้วย การเลือกลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มคมนาคม เช่น รถไฟฟ้า สนามบิน หรือกลุ่มสื่อสาร เช่น บริการเครือข่ายสัญญาณไร้สาย หรือกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานที่มีการกำหนดค่าเช่าชัดเจน มีสัญญาเช่าระยะยาว ซึ่งในช่วงเศรษฐกิจดีจะมีการเติบโตรายได้ดี สามารถปรับขึ้นราคาได้ โดยไม่กระทบความต้องการซื้อ เพราะสามารถปรับไปลงทุนในธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน ที่ไม่ว่าภาวะเศรษฐกิจจะเป็นขาขึ้นหรือลง ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องใช้ทุกวัน เช่น ธุรกิจเสาส่งไฟฟ้า ท่อก๊าซ โรงไฟฟ้า และรัฐบาลยังเปิดทางให้ผู้ประกอบการที่ลงทุนสามารถปรับขึ้นราคาได้ ก็เป็นการลงทุนที่น่าสนใจ
นอกจากนี้ ทั่วโลกยังมีความต้องการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานอีกมาก โดยประเทศกำลังพัฒนาก็เน้นการลงทุนโครงการใหม่ๆ ส่วนประเทศที่พัฒนาแล้วก็เน้นลงทุนเพื่อซ่อมแซมและปรับปรุงโครงการเดิมรวมถึงการแสวงหาพลังงานทางเลือกเพิ่มขึ้น ทำให้การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวกับไฟฟ้าและพลังงานมีความสำคัญมากขึ้น รู้แบบนี้แล้ว พอจะนึกออกแล้วใช่มั้ยคะว่า กองทุน RMF SSF ที่มีรูปแบบการลงทุนที่ช่วยสู้กับเงินเฟ้อนั้นมีหลากหลายกองทุนด้วยกัน แต่ที่แน่ๆ คงหนีไม่พ้น กองทุนเปิด B-GLOB-INFRARMF และ B-GLOB-INFRASSF ที่เน้นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลกซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตของเรา จึงเหมาะกับการลงทุนระยะยาว นอกจากนี้ เพื่อให้มีวินัยในการลงทุน การลงทุนอย่างสม่ำเสมอเพื่อเฉลี่ยเงินลงทุนก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยกระจายความเสี่ยง แถมยังทำให้เราไม่ลืมการลงทุนอีกด้วย