สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2565 ว่า บรรดาวาณิชธนกิจรายใหญ่ระดับโลก ซึ่งรวมถึงโกลด์แมน แซคส์ เจพีมอร์แกน และมอร์แกน สแตนลีย์ คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลงอีกในปี 2566 หลังจากช่วงหนึ่งปีที่ต้องเผชิญเกิดสงครามในยูเครน และอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น ซึ่งผลักดันให้เกิดวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่รวดเร็วที่สุดในช่วงที่ผ่านมา
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้เพิ่มอัตราดอกเบี้ย 3.75% ในปีนี้ นับตั้งแต่การปรับขึ้นครั้งแรกในเดือนมีนาคม 2565 สิ่งนี้ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย แม้ว่าธนาคารกลางคาดว่าจะชะลอการปรับขึ้นก็ตาม
โดยรอยเตอร์ได้รวบรวมการคาดการณ์เศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจสหรัฐและจีนในปี 2566 ดังนี้
ตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อสหรัฐในปี 2566 (เทียบรายปี) และคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยสูงสุดของเฟด ดังนี้
โดยมอร์แกน สแตนลีย์ คาดการณ์ว่า เฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกภายในเดือนธันวาคม 2566 ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยยืนอยู่ที่ระดับ 4.375% ภายในสิ้นปีหน้า ขณะที่ บาร์เคลย์ส คาดว่า อัตราดอกเบี้ยของเฟดจะอยู่ในกรอบ 4.25-4.5% ภายในสิ้นปีหน้าหลังจากที่มีการปรับลดดอกเบี้ย
ทางด้านยูบีเอส คาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐจะเคลื่อนตัวเข้าใกล้เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% ภายในสิ้นปีหน้า ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ทำให้เฟดพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ที่มา: รอยเตอร์