2022 – Opportunities are never lost |
สัญญาณอะไรที่ทำให้เราน่าจะเห็นสัญญาณตลาด bottom?
ในก้าวย่างที่เรากำลังเดินหน้าเข้าสู่เดือนธันวาคม 2022 และกลิ่นอายของปี 2023 กำลังย่างก้าวเข้ามาทุกขณะ สัปกดาห์นี้ BBLAM จึงมาชวนดูกันว่า โอกาสฟ้าเปิด หุ้นเมื่อไรจะพ้นจุด bottom เสียที ซึ่งก็ไม่มีใครบอกเวลาที่แน่นอนได้ว่าเมื่อไร แต่เราก็พอมองไปที่บทเรียนในอดีตและมาสรุปว่าสัญญาณอะไรบ้างที่เราสังเกตุได้ สัปดาห์นี้ จึงนำบทความของ คุณมทินา วัชรวราทร CFA® Head of Investment Strategy จาก BBLAM ที่กล่าวถึงประเด็นข้างต้นไว้อย่างน่าสนใจ ดังนี้
ถ้าดู ช่วงที่ตลาด bottom หลังจากที่เกิดตลาดหมี ไม่ว่าจะเป็นช่วงปี 1982 , 1987, 2002, 2009, 2020 สิ่งหนึ่งที่เราเห็นคล้าย ๆ กันคือ เราสามารถใช้สัญญาณจากตลาดอื่น ๆ มาเป็นสัญญาณในตลาดหุ้นได้
- สัญญาณชัดเจนจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ถ้าค่าเงินดอลลาร์แข็งก็แปลว่าคนยังวิ่งหาเงินสด หาสินทรัพย์ปลอดภัยอยู่ จะเห็นได้ว่าในแต่ละช่วงของตลาดหมี ก่อนที่ตลาดหุ้นจะเจอจุดต่ำสุด ค่าเงินดอลลาร์ต้องหยุดขึ้นให้ได้ก่อน หุ้นถึงจะขึ้นได้ ซึ่ง BBLAM คิดว่าดอลลาร์น่าจะพีคไปแล้ว
- ตลาดพันธบัตรก็เป็นสัญญาณบอกตลาด bottom ได้ เช่น เราต้องเห็น พันธบัตรรัฐบาลอเมริกา สิบปี และสองปี พีคก่อน แปลว่า ยิวไม่ปรับขึ้นแล้ว หรือเราต้องเห็นว่า ความห่างระหว่างพันธบัตรสองปีกับสิบปี ไม่เพิ่มขึ้นแล้ว ก็คือ spread 2/10 ไม่เพิ่มขึ้น ก็เป็นสัญญาณอันหนี่งที่เราเจอแทบทุกรอบก่อนการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้น คือบอนด์ยิวต้องไม่เพิ่ม แปลว่าตลาดบอนด์ซึ่งเป็นตลาดที่มี price signal เรื่องการชำระหนี้ การชำระดอกเบี้ย เจอเสถียรภาพทางด้านราคา แปลว่า นักลงทุนจะเข้าไปลงทุนในตลาดบอนด์ก่อน ซึ่ง BBLAM คิดว่าเรากำลังอยู่ในสถานการณ์ตอนนี้
- ถ้าดูสภาวะเศรษฐกิจ ตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อหรือ PMI ก็เป็นตัวบอกได้เช่นกันว่า ตลาดจะปรับตัวขึ้นไหม ต้องให้ PMI ไม่ลงต่อ ถึงแม้ว่าจะอยู่ต่ำกว่า 50 คือหดตัว ตลาดหุ้นก็จะฟื้นได้ แปลว่า สภาพเศรษฐกิจยังดูแย่ แต่ถ้าไม่แย่ไปมากกว่านี้ ตลาดหุ้นก็ฟื้น ตัวเลขนี้ใช้ได้ทุกรอบ ยกเว้นตอนปี 2020 ที่เกิดโควิด เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นแต่ได้ QE ทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นได้
- สุดท้าย คือ ทอง เราจะเห็นว่า ทองจะต้องหยุดลงก่อนที่ตลาดหุ้นจะฟื้น แปลว่าหลาย ๆ รอบตลาดหมี เราจะเห็นว่าทองจะขึ้นก่อนหน้าหุ้นจะขึ้น ซึ่งตอนนี้ราคาทองก็ปรับตัวขึ้นได้บ้าง
อย่างไรก็ตาม สัญญาณที่พูดมาทั้งหมดนี้ใช้ได้ในแง่ Check list ว่า บอนด์ยิวหยุดขึ้นรึยัง หรือดอลลาร์หยุดขึ้นแล้วรึยัง ทองหยุดลงรึยัง แต่ถ้าเอามาบอกเป็นจำนวนเดือนว่า เดือนไหนตลาดจะ Bottom จะใช้ไม่ได้ ใช้เป็นแค่ Check list ได้เท่านั้น แต่ ณ ตอนนี้ Check list บางตัวเริ่มมา
ในภาพใหญ่เห็นได้ว่า สิ่งต่าง ๆ ที่เป็นข่าวร้ายในตลาด เข้าไปอยู่ในราคาพอสมควร When all the experts and forecasts agree, something is going to happen อันนี้ใช้ได้ในสถานการณ์นี้อย่างดี ก็คือ เมื่อใดที่ผู้เชี่ยวชาญ และนักคาดการณ์ มองไปในทิศทางเดียวกันมาก ๆ ทุกคนพูดถึง เงินเฟ้อ เศรษฐกิถดถอยมาก ๆ เวลาที่ทุกคนเห็นตรงกันมาก ๆ และเงินเฟ้อ price in ไปในตลาดมาก ๆ สินทรัพย์ที่ได้ประโยชน์จากเงินเฟ้อก็อาจจะไม่ได้ผลตอบแทนดีอย่างที่เราคิด อย่างเช่น พลังงาน และ สินค้า Commodity เพราะตลาดได้เล่นธีมเรื่องเงินเฟ้อไปมากแล้ว ดังนั้น เราคิดว่า เงินเฟ้อจะปรับตัวลงในปีหน้า สินทรัพย์ที่เคยโดยเทขายมาก ๆ เช่น บอนด์ตัวยาวๆ พันธบัตรรัฐบาลสิบปีของอเมริกา หรือว่าหุ้นเทคโนโลยี อาจจะมีแรงซื้อกลับเข้ามา
สำหรับในเรื่องเศรษฐกิจถดถอย มีสอง scenarios
- ถ้า scenario แรก คือ เป็นเศรษฐกิจถดถอยที่ไม่รุนแรง ไม่ลึก ไม่มีการผิดนัดชำระหนี้ อันนี้ก็เข้าไปอยู่ในราคาแล้ว เพราะถ้าเรามองว่าตลาดคือส่วนประกอบหลักของ P/E และ EPS ตอนนี้ P/E เหลือ 15.8 ซึ่งคิดว่าเริ่มสมเหตุสมผลกับ เงินเฟ้อที่ปรับตัวสูง และ EPS ของตลาดในไตรมาสนี้ที่ปรับตัวลงมา เช่น หุ้นเทคโนโลยีทั้ง sector โดน Revise down ลงมาแล้ว ยิ่งบริษัทเทคต่าง ๆ อย่างเช่น MSFT ที่ถือเป็นหนึ่งในบริษัทเทคฯที่แข็งแกร่งมากที่สุดตัวหนึ่ง ก็ยังได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจถดถอยโดยบริษัทออกมาให้ guidance ว่าปีหน้ารายได้น่าจะชะลอ ส่วนที่แข็งแกร่งคือ ธุรกิจคลาวด์ก็คาดว่าน่าจะชะลอ เรามองว่า ถ้าเป็น scenario นี้ เราคิดว่าหลังจากที่ตลาดปรับประมาณการณ์กำไรไปแล้วซักพัก จะเป็นโอกาสในการซื้อ เพราะเป็นการซื้อบริษัทที่แข็งแกร่ง แต่เจอความต้องการที่ชะลอตัว และถ้าเกิดเป็นกรณีนี้ ค่าเฉลี่ยในอดีตคือตลาดจะปรับตัวลงไป 11% ในขณะที่ปัจจุบันตลาดลงไป 20% แล้ว
และที่สำคัญ คือ ถ้าเจอวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ๆ นักวิเคราะห์จะปรับกำไรลงประมาณ 19 เดือน คือหลังจากนี้เป็นต้นไป เราจะเห็นว่าตลาดมีการปรับกำไรลงอย่างต่อเนื่อง แต่ที่สำคัญคือ ตลาดหุ้นจะขึ้นก่อนที่ Earnings downgrade จบ แปลว่า ตลาดหุ้นจะขึ้นท่ามกลางข่าวร้ายๆ ของบริษัท
- Scenario ที่สองคือเป็นเศรษฐกิจถดถอย และพ่วงมากับการผิดนัดชำระหนี้ อันนี้ก็ทำให้เราอยู่ในตลาดหมีที่ลึกและยาวนานกว่านี้ ความลึกของ S&P สามารถลงไปได้ 34% เลย แปลว่าปัจจุบันที่ลงมาประมาณ 20% ยังมี downside
นักลงทุนที่ต้องการสนใจลงทุนกองทุนรวมของ BBLAM สามารถเข้าลงทุนผ่าน โมบายแบงก์กิ้ง จาก ธนาคารกรุงเทพ ได้ที่ Facebook shop ของ BBLAM
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ https://www.bblam.co.th/bualuang-insights/bblam-investment-insights/28-2-2022-1