โดย พริ้มพัชร จิรบวรพงศา, AFPTTM , BBLAM
ในปีนี้ใครๆ ต่างก็มองว่า โลกกำลังเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย จากการที่ตัวเลขทางเศรษฐกิจในปีที่ผ่านมาไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ ตั้งแต่การจับจ่ายใช้สอยของภาคครัวเรือนและภาครัฐ รวมถึงการลงทุนของภาคเอกชนต่างๆที่ลดน้อยถอยลงไปด้วย ประกอบกับผลตอบแทนจากการลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนในหุ้น ไม่ว่าจะเป็น หุ้นรายตัว หรือกองทุนรวมหุ้น ต่างก็ให้ผลตอบแทนที่ผิดไปจากที่คาดหวังไว้ เพราะเดิมทีนักลงทุนส่วนใหญ่เชื่อว่า เทรนด์เทคโนโลยีฝั่งโลกตะวันตกกำลังมาแรง ส่วนในฝั่งโลกตะวันออกอย่างจีนเองก็กำลังเตรียมที่จะผงาดเป็นผู้นำโลก ดังนั้น ถ้าลงทุนไว้ไม่มีผิดหวังแน่นอน! … แต่ก็อย่างที่เราเคยพูดกันเสมอว่า “โอกาสจากการลงทุนมาพร้อมกับความเสี่ยงเสมอ”
โดยในปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าการเติบโตของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้ชะลอตัวลง หลังจากที่ปัจจัยสนับสนุนการเติบโตอย่างก้าวกระโดด อย่างการแพร่ระบาดของโควิดอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ และส่วนหนึ่งก็มาจากการที่มีผู้ลงทุนขายคืนเพื่อทำกำไร จึงทำให้ในภาพรวมราคาของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลดลง ส่วนในฝั่งของจีน ภาครัฐเองก็ได้เข้ามามีบทบาทในการควบคุม และใช้มาตรการต่างๆ เข้ามาดูแล รวมถึงการใช้กลยุทธ์ต่างๆ เพื่อป้องปรามคู่ปรับอย่างสหรัฐฯ จึงทำให้ในภาพรวมอาจจะยังไม่ได้เติบโตได้ดีอย่างที่หลายๆ คนคาดการณ์ไว้
ปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวมานี้ อาจทำให้นักลงทุนรู้สึกกังวลใจ ไม่สบายใจ และไม่แน่ใจว่าเราควรจะบริหารจัดการการลงทุนของตัวเองในปีนี้ยังไงดี? โดยเฉพาะการลงทุนด้วยวิธีถัวเฉลี่ยแบบ DCA “ไปต่อหรือพอแค่นี้” การลงทุนแบบ DCA ได้ผลจริงๆ หรือเปล่า?
คำถามต่างๆ เหล่านี้น่าจะเป็นสิ่งที่รบกวนหัวใจนักลงทุนอยู่ไม่น้อย เพราะในปีที่ผ่านมา เติมเงินลงทุนเข้าไปเท่าไรก็ดูเหมือนว่าจะไม่พอสักที แต่เชื่อไหมว่า การลงทุนแบบ DCA ทำมาเพื่อการนี้จริงๆ เพราะในโลกของการลงทุนมันหมุนเวียนเป็นวัฏจักร โดยสามารถแบ่งออกเป็น 4 ระยะ คือ ระยะฟื้นฟู (Recovery) ระยะเฟื่องฟู (Peak) ระยะถดถอย (Recession) และระยะตกต่ำ (Trough) ซึ่งสำหรับตอนนี้ เราอยู่ในช่วงระยะถดถอยแตะๆ กลับเข้าไปสู่ระยะตกต่ำนิดๆ หน่อยๆโดยจะอยู่ในช่วงนี้นานแค่ไหนนั้นก็ไม่มีใครล่วงรู้อนาคตได้ แต่สิ่งที่รู้แน่ๆ คือ ตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีในการทยอยสะสมหุ้นปัจจัยพื้นฐานดีที่มีโอกาสเติบโตต่อไปตามเทรนด์โลกอนาคตได้ในราคาที่ย่อมเยา
ดังนั้น ถ้าหากเราเข้าใจว่าวัฏจักรเศรษฐกิจ มีขึ้น มีลง หมุนเวียนเปลี่ยนกันไป เราก็น่าจะได้คำตอบกันแล้วว่า “เศรษฐกิจตอนนี้ควรลงทุน DCA ต่อดีไหม?” ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วคิดว่า ควรทยอยสะสมการลงทุนต่อเนื่อง แต่ก่อนลงทุนก็ควรที่จะต้องจัดสรรเงินที่มีอยู่ให้เหมาะสมเสียก่อน โดยคำว่าเหมาะสม คือ เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน เหมาะสมกับโอกาส และเหมาะสมกับเป้าหมายทางการเงิน … อย่างในปัจจุบันเศรษฐกิจไม่ค่อยดี รายรับของเราก็อาจจะไม่มากเหมือนแต่ก่อน เราจึงควรที่จะจัดสรรเงินสภาพคล่องและเงินสำรองฉุกเฉินให้มีเพียงพอตามจำเป็น จากนั้นจึงจัดสรรเงินที่เหลือมาลงทุนตามเป้าหมาย ซึ่งการลงทุนด้วยวิธี DCA นั้นเหมาะสำหรับสินทรัพย์ที่มีความผันผวนอย่างหุ้น และเหมาะสมกับการลงทุนระยะยาว ยิ่งในช่วงที่เศรษฐกิจถดถอยแบบนี้ ของดีมีคุณภาพที่เรามีโอกาสได้ลงทุนอาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการ “รอให้งอกเงย” สักหน่อย … เปรียบเทียบได้กับต้นไม้ที่ต้องหมั่นรดน้ำพรวนดิน และใช้เวลารอคอยให้ถึงวันที่ผลิดอกออกผล จนสามารถให้ร่มเงาได้
สุดท้ายนี้ การลงทุนด้วยวิธีถัวเฉลี่ยแบบ DCA ยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจของวัยทำงานคนรุ่นใหม่อย่างเราที่ไม่ค่อยมีเวลา เพราะข้อดีของการลงทุนแบบ DCA นอกจากจะใช้เงินลงทุนไม่มากแล้วยังสามารถช่วยสร้างวินัยในการลงทุนที่สม่ำเสมอให้กับเราได้ด้วย โดยการลงทุนสม่ำเสมอไปเรื่อยๆ แบบไม่ต้องสนใจราคา จะทำให้เราได้มีโอกาสสะสมต้นทุนถูกบ้างแพงบ้างสลับกันไป ซึ่งถ้าหากเราสามารถลงทุนได้นานมากพอ ราคาต้นทุนที่เราได้ก็จะไม่ถูกไม่แพงจนเกินไปด้วย … อ้อ! แต่ถ้าหากเราเป็นนักลงทุนที่ชำนาญการจับจังหวะตลาดลงทุน (Market Timing) ด้วยตัวเอง ก็อาจจะลองเลือกใช้การลงทุนแบบ DCA มาเป็นเครื่องมือในการช่วยลดความผันผวนแบบนี้ก็สามารถทำได้เช่นกัน