โดย อรพรรณ บัวประชุม CFP®, BBLAM
ปี 2566 เป็นอีกปีที่ท้าทาย มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นหลายอย่าง ทั้งเรื่องการเมืองไทยที่มีการเลือกตั้งใหม่ ทั้งเศรษฐกิจโลกที่กำลังก้าวเข้าสู่ภาวะถดถอยและรุนแรงกว่าปีที่ผ่านมา ทั้งความตึงเครียดอย่างต่อเนื่องจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน แรงกดดันจากเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยที่ปรับสูง และที่สำคัญ ยอดการติดเชื้อโควิด-19 ในจีนยังพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง
เศรษฐกิจถดถอยแบบนี้ ยังลงทุนหุ้นได้มั้ยนะ หรือจะต้องจัดพอร์ตลงทุนยังไง เรามีคำแนะนำมาให้แล้ว
ในเมื่อดูแล้ว เศรษฐกิจก็ไม่ดี แล้วเราจะเลือกลงทุนแบบไหน เพื่อให้พอร์ตการลงทุนของเรายังมีโอกาสเติบโตได้ ต้องบอกว่า การเลือกลงทุนในกองทุนหุ้นช่วงเศรษฐกิจถดถอยยังเป็นไปได้ ถ้าเรารู้จักเลือกลงทุน อย่างเช่น
กลุ่มสินค้าจำเป็น สินค้าอุปโภคบริโภค เพราะไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นยังไงก็ยังต้องกิน ต้องใช้อยู่ทุกวัน แม้ว่าจะพยายามกินน้อยลง ใช้น้อยลงก็ตาม ดังนั้น การเลือกลงทุนในกลุ่มนี้ ก็มีโอกาสเติบโตได้ อย่างเช่น การลงทุนในกองทุนเปิดบัวหลวงปัจจัย 4 (BBASIC) ซึ่งกองทุนมีนโยบายลงทุนเฉพาะกลุ่มบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับปัจจัย 4 ได้แก่ อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค นอกจากนี้ กองทุนยังมีนโยบายจ่ายเงินปันผลอีกด้วย และหากใครต้องการลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีเพิ่มเติม ก็สามารถเลือกลงทุนในกองทุนเปิดบัวหลวงปัจจัย 4 เพื่อการเลี้ยงชีพ (BBASICRMF)
กลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน ที่ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นขาขึ้นหรือลง ก็เป็นสิ่งจำเป็นต้องใช้ทุกวัน เช่น ธุรกิจเสาส่งไฟฟ้า ท่อก๊าซ โรงไฟฟ้า นอกจากนี้ ทั่วโลกยังต้องการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานอีกมาก การแสวงหาพลังงานทางเลือก พลังงานสะอาด ซึ่งกองทุนที่ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เช่น กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นโกลบอล อินฟราสตรัคเจอร์ (B-GLOB-INFRA) ที่มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของ Legg Mason Clear Bridge Global Infrastructure Income Fund หรือหากต้องการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ด้วย ก็สามารถเลือกลงทุนในกองทุนเปิด บัวหลวงหุ้นโกลบอล อินฟราสตรัคเจอร์ เพื่อการเลี้ยงชีพ (B-GLOB-INFRARMF) ส่วนใครที่ชอบการลงทุนในไทย กองทุนเปิดบัวหลวงโครงสร้างพื้นฐาน (B-INFRA) ก็น่าสนใจ เพราะเน้นลงทุนในบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานของระบบเศรษฐกิจไทย เช่น บริษัทในกลุ่มวัสดุก่อสร้างและตกแต่ง กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม กลุ่มพลังงาน กลุ่มสื่อสาร กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มขนส่ง หากต้องการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีก็สามารถเลือกลงทุนใน กองทุนเปิดบัวหลวงโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการเลี้ยงชีพ (IN-RMF)
กลุ่มสุขภาพ ยิ่งเศรษฐกิจไม่ดี คนยิ่งกังวล ส่งผลต่อสุขภาพ แม้ว่าเศรษฐกิจจะถดถอย เงินในกระเป๋าจะลดน้อยลง แต่ไม่ว่าจะยังไง เราก็ยังเป็นห่วงสุขภาพ ทั้งตัวเอง ทั้งคนในครอบครัว และคนที่เรารัก นอกจากนี้ หลายประเทศเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการดูแลสุขภาพก็ก้าวหน้าขึ้น การรักษาโรคร้ายก็ได้ผลดียิ่งขึ้น การลงทุนในกลุ่มสุขภาพ นอกจากการลงทุนในบริษัทยา บริษัทวัคซีน กลุ่มอุปกรณ์ทางการแพทย์ กลุ่มบริการด้านสุขภาพ ยังรวมถึงบริษัทพัฒนาและวิจัยด้านสุขภาพ กองทุนหุ้นที่ลงทุนในกลุ่มนี้คงหนีไม่พ้น กองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลเฮลธ์แคร์ (BCARE) ที่ลงทุนในหน่วยลงทุนของ Wellington Global Health Care Equity Fund ซึ่งเป็นกองทุนรวมต่างประเทศ มีนโยบายลงทุนในตราสารทุนของบริษัทในอุตสาหกรรม Health Care ทั่วโลก หากใครต้องการลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีได้ด้วย ก็สามารถลงทุนในกองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลเฮลธ์แคร์เพื่อการเลี้ยงชีพ (BCARERMF) และกองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลเฮลธ์แคร์เพื่อการออม (BCARESSF)
ไม่ว่าเศรษฐกิจจะอยู่ในช่วงไหน เราก็สามารถเลือกลงทุนในกองทุนให้เหมาะสมได้ โดยพิจารณาจากเป้าหมาย ระยะเวลาในการลงทุน ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ เพื่อให้เป้าหมายเป็นจริงได้ง่ายขึ้น ความสม่ำเสมอในการลงทุนก็เป็นอีกสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ นอกจากการลงทุนด้วยเงินก้อนใหญ่เพียงครั้งเดียว การลงทุนด้วยเงินก้อนเล็กๆ หลายๆ ก้อน ก็จะช่วยทำให้ต้นทุนที่ได้รับถัวเฉลี่ยได้ในระยะยาว