ภาพรวมตลาดหุ้น
ตลาดหุ้นโลกโดยรวมเคลื่อนไหวในเชิงลบในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ด้วยความแตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค โดยตลาดสหรัฐฯ เป็นช่วงของการย่อตัว หลังจากปรับตัวขึ้นมาในช่วงเดือนก่อนหน้า เนื่องจากความกังวลเรื่องการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของ FED กลับมาอีกครั้ง ซึ่งทำให้ตลาดคาดว่า กรอบบนของอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ จะขยับขึ้นไปอยู่ 5.25-5.5% (บางแห่งคาดการณ์สูงกว่านั้น) ขณะที่ ตลาดหุ้นจีนนั้นเป็นการย่อตัวเช่นกัน หลังตลาดรับข่าวการเปิดประเทศไปค่อนข้างเร็ว แม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจจีนจะออกมาค่อนข้างดีก็ตาม
ทั้งนี้ คาดว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งมี Valuation ค่อนข้างตึงตัวสำหรับคาดการณ์ผลประกอบการของปี 2023 น่าจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ เพื่อรอผลการประชุม FOMC ในวันที่ 15-16 มีนาคม นี้ อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่า ตลาดได้ทยอยสะท้อนความกังวลด้านปัจจัยอัตราดอกเบี้ยในช่วงระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาไปพอสมควรแล้ว และไม่น่าจะเพิ่มความกังวลมากจนเกิดความผันผวนรุนแรงด้านเชิงลบจากการประชุมในครั้งนี้ ส่วนตลาดหุ้นจีน แม้การประชุมสมาชิกสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ล่าสุด แม้จะไม่ได้มีมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจมากเท่าที่ตลาดคาด แต่เชื่อว่า การทยอยฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนก็น่าจะช่วยให้ตลาดหุ้นจีนน่าจะยืนระดับดัชนีได้ ดังนั้น โดยภาพรวมของตลาดหุ้นต่างประเทศไม่น่าจะส่งผลลบต่อหุ้นไทยมากนักในอนาคตระยะสั้น
ในเดือนกุมภาพันธ์ SET Index ปรับตัวลดลง 2.94% โดยหุ้นส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงตามตัวเลขผลประกอบการไตรมาส 4/2022 ที่ต่ำกว่าคาด รวมทั้งการคาดการณ์ว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยนับตั้งแต่ต้นปีไม่แข็งแกร่งเท่าที่ควร แม้ว่าจะมีการเปิดประเทศแล้วก็ตาม ส่วนหนึ่งเพราะการอ่อนตัวของภาคส่งออกด้วย จึงคาดว่า SET Index น่าจะอยู่ในลักษณะ Side-ways ไปอีกสักพักหนึ่ง โดยมีการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวที่จะเข้ามาช่วยหนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยหลังจากนี้ นอกจากนี้ ระดับมูลค่าการขายของนักลงทุนต่างชาติที่ขายหุ้นไทยมาตลอดในเดือนกุมภาพันธ์ นั้นเบาบางลงบ้างตั้งแต่เริ่มเดือนมีนาคม จึงเชื่อว่า การย่อตัวของดัชนีหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมา น่าจะเป็นโอกาสในการสะสมหุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและราคาไม่ได้แพงมาก เช่น ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และนิคมอุตสาหกรรม ธุรกิจการแพทย์ ธุรกิจธนาคาร เป็นต้น โดยการเลือกลงทุนโดยดูพื้นฐานเป็นรายตัวจะมีความสำคัญมากขึ้น
Fund Comment
Fund Comment กุมภาพันธ์ 2566: ภาพรวมตลาดหุ้น
ภาพรวมตลาดหุ้น
ตลาดหุ้นโลกโดยรวมเคลื่อนไหวในเชิงลบในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ด้วยความแตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค โดยตลาดสหรัฐฯ เป็นช่วงของการย่อตัว หลังจากปรับตัวขึ้นมาในช่วงเดือนก่อนหน้า เนื่องจากความกังวลเรื่องการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของ FED กลับมาอีกครั้ง ซึ่งทำให้ตลาดคาดว่า กรอบบนของอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ จะขยับขึ้นไปอยู่ 5.25-5.5% (บางแห่งคาดการณ์สูงกว่านั้น) ขณะที่ ตลาดหุ้นจีนนั้นเป็นการย่อตัวเช่นกัน หลังตลาดรับข่าวการเปิดประเทศไปค่อนข้างเร็ว แม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจจีนจะออกมาค่อนข้างดีก็ตาม
ทั้งนี้ คาดว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งมี Valuation ค่อนข้างตึงตัวสำหรับคาดการณ์ผลประกอบการของปี 2023 น่าจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ เพื่อรอผลการประชุม FOMC ในวันที่ 15-16 มีนาคม นี้ อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่า ตลาดได้ทยอยสะท้อนความกังวลด้านปัจจัยอัตราดอกเบี้ยในช่วงระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาไปพอสมควรแล้ว และไม่น่าจะเพิ่มความกังวลมากจนเกิดความผันผวนรุนแรงด้านเชิงลบจากการประชุมในครั้งนี้ ส่วนตลาดหุ้นจีน แม้การประชุมสมาชิกสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ล่าสุด แม้จะไม่ได้มีมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจมากเท่าที่ตลาดคาด แต่เชื่อว่า การทยอยฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนก็น่าจะช่วยให้ตลาดหุ้นจีนน่าจะยืนระดับดัชนีได้ ดังนั้น โดยภาพรวมของตลาดหุ้นต่างประเทศไม่น่าจะส่งผลลบต่อหุ้นไทยมากนักในอนาคตระยะสั้น
ในเดือนกุมภาพันธ์ SET Index ปรับตัวลดลง 2.94% โดยหุ้นส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงตามตัวเลขผลประกอบการไตรมาส 4/2022 ที่ต่ำกว่าคาด รวมทั้งการคาดการณ์ว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยนับตั้งแต่ต้นปีไม่แข็งแกร่งเท่าที่ควร แม้ว่าจะมีการเปิดประเทศแล้วก็ตาม ส่วนหนึ่งเพราะการอ่อนตัวของภาคส่งออกด้วย จึงคาดว่า SET Index น่าจะอยู่ในลักษณะ Side-ways ไปอีกสักพักหนึ่ง โดยมีการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวที่จะเข้ามาช่วยหนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยหลังจากนี้ นอกจากนี้ ระดับมูลค่าการขายของนักลงทุนต่างชาติที่ขายหุ้นไทยมาตลอดในเดือนกุมภาพันธ์ นั้นเบาบางลงบ้างตั้งแต่เริ่มเดือนมีนาคม จึงเชื่อว่า การย่อตัวของดัชนีหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมา น่าจะเป็นโอกาสในการสะสมหุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและราคาไม่ได้แพงมาก เช่น ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และนิคมอุตสาหกรรม ธุรกิจการแพทย์ ธุรกิจธนาคาร เป็นต้น โดยการเลือกลงทุนโดยดูพื้นฐานเป็นรายตัวจะมีความสำคัญมากขึ้น