BF Economic Research Team
- GDP ไตรมาส 1/2018 ของยูโรโซน โต 0.4% QoQ sa ชะลอลงจาก +0.7% QoQ sa ในไตรมาสก่อนหน้า
- เยอรมนีและฝรั่งเศสโตช้าลงเหลือ 0.3% QoQ sa อิตาลีและสเปนโตคงที่ 0.3% QoQ sa และ 0.7% QoQ sa ตามลำดับ
- หลายประเทศในยุโรป กำลังเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ ภายหลังจากเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นมาอย่างแข็งแกร่งในปี 2017
- ข้อมูลทางเศรษฐกิจทั้งหลาย จะถูก ECB นำไปพิจารณาเพื่อตัดสินใจกำหนดวันสิ้นสุดมาตรการผ่อนคลาย QE ซึ่งมีความเป็นไปได้อยู่ว่าอาจจะถูกเลื่อนออกไป
ประกาศจาก Eurostat รอบสอง (Flash Estimate) ยืนยันว่าเศรษฐกิจของสมาชิกยูโรโซน 19 ประเทศขยายตัว +0.4% QoQ sa ในไตรมาสที่ 1/2018 ช้ากว่าไตรมาสก่อนหน้าที่โตได้ +0.7% QoQ sa พอสมควร และยังถือว่าช้าที่สุดในรอบ 6 ไตรมาส โดยในรายงานรอบนี้ มีการเปิดเผยข้อมูลรายประเทศออกมาด้วย สังเกตได้ว่าเศรษฐกิจขนาดใหญ่ต่างมีอัตราการเติบโตช้าลง อาทิ เยอรมนีและฝรั่งเศส ซึ่งโตช้าลงเหลือ 0.3% QoQ sa ขณะที่อิตาลีและสเปนโตได้เท่าเดิม 0.3% QoQ sa และ 0.7% QoQ sa ตามลำดับ
สถิติดังกล่าว สอดคล้องกับข้อมูลส่วนใหญ่ซึ่งบ่งชี้ถึงการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของสมาชิกยูโรโซน กล่าวคือ ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (Industrial Production) หดตัวลงติดต่อกันถึง 3 เดือน MoM ช่วง ธ.ค. 2017 – ก.พ. 2018 ระหว่างที่ยอดค้าปลีก (Retail Sales) อ่อนตัวลงอย่างชัดเจนเหลือ 0.8% YoY ในเดือน มี.ค. 2018 ต่ำกว่าที่ตลาดคาดหวังเอาไว้มาก
นอกจากนั้น หลายประเทศในยุโรปยังต้องเผชิญกับความท้าทายเชิงการเมืองต่อเนื่องในปีนี้ ได้แก่ การเลือกตั้งของอิตาลีเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา ที่พรรคประชานิยมและชาตินิยมได้รับคะแนนเสียงแซงหน้าพรรคการเมืองแบบเดิมๆ แต่กระนั้นก็ยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลกันได้สำเร็จ ส่วนในเยอรมนี พรรค CDU/CSU ต้นสังกัดของ อังเกลา แมร์เคิล ซึ่งมีบทบาทสำคัญภายในสหภาพยุโรป (EU) ก็ได้สูญเสียฐานเสียงไปมากพอสมควรในการเลือกตั้งครั้งก่อนหน้า ปัจจัยเหล่านี้จึงอาจกลับมาเป็นปัญหาต่อการพัฒนาและดำเนินนโยบายร่วมกันภายใต้กรอบที่ EU วางไว้ ทั้งนี้ ประเด็นความขัดแย้งเชิงค้ากับสหรัฐฯก็ยังไม่คลี่คลายไปเสียทีเดียว เพราะ EU ยังอยู่ภายใต้การผ่อนผันภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมเข้าสู่สหรัฐฯแบบชั่วคราวที่จะหมดอายุลงในเดือน พ.ค. นี้ ซึ่ง EU กำลังถูกกดดันให้บังคับใช้โควต้าการส่งออกสินค้าประเภทเหล่านี้ด้วย
ท้ายที่สุด ธนาคารกลางสหภาพยุโรป (ECB) จึงอาจต้องมาทบทวนการคลายคันเร่งมาตรการกระตุ้นทางการเงินกันอีกครั้ง และเป็นไปได้ว่าอาจมีการยืดเวลาโครงการ QE ออกไป ด้วยข้อมูลทางเศรษฐกิจที่ออกมาไม่ดีนักในช่วงนี้ จากปัจจุบันที่ดำเนินมาตรการเข้าซื้อสินทรัพย์ 3 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน และกำหนดดอกเบี้ยเงินฝากนโยบายไว้ที่ -0.4%