คลื่นความร้อนระอุกำลังสร้าง “ภาระอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน” ต่อภาคส่วนการเกษตร เศรษฐกิจ และสาธารณสุขของอินเดีย ซึ่งการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศนี้ ทำลายความพยายามระยะยาวของประเทศ ในการลดความยากจน ความไม่เท่าเทียม และความเจ็บป่วย
สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานจากเมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ 20 เม.ย. ว่า ทีมนักวิชาการที่นำโดยนายรามิต เดบนาธ จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ระบุว่า ความร้อนรุนแรงทำให้มีผู้เสียชีวิตในอินเดียมากกว่า 24,000 ราย นับตั้งแต่ปี 2535 รวมถึงก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ และเร่งการละลายของธารน้ำแข็งทางตอนเหนือของประเทศ
“ขณะนี้ อินเดียกำลังเผชิญกับการปะทะกันของภัยจากสภาพอากาศสะสมหลายครั้ง โดยสภาพอากาศรุนแรงเกิดขึ้นเกือบทุกวัน ตั้งแต่เดือน ม.ค.-ต.ค. เมื่อปีที่แล้ว” ทีมนักวิชาการ กล่าวเพิ่มเติม
เดบนาธ กล่าวเสริมว่า เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ในการหาวิธีวัดความเสี่ยงต่อสภาพอากาศสุดขั้วที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ซึ่งเขาเชื่อว่า ดัชนีชี้วัดความเปราะบางต่อความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศ (ซีวีไอ) ของรัฐบาลอินเดีย ประเมินผลกระทบของคลื่นความร้อนที่อยู่ยาวนานขึ้น รวมทั้งเกิดเร็วขึ้น และเกิดบ่อยครั้งมากขึ้น ที่จะมีต่อการพัฒนา “ต่ำเกินไป”
ยิ่งไปกว่านั้น เดบนาธ เตือนว่า พื้นที่รวมของอินเดียมากถึง 90% อยู่ในเขตอันตรายจากความร้อนสูง และไม่มีการเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่
“อินเดียดำเนินการไปพอสมควรแล้ว ในแง่ของการบรรเทาความร้อน แต่จำเป็นต้องมีการเพิ่มประสิทธิภาพของแผนการเหล่านี้” เดบนาธ ระบุ “มาตรการปรับตัวต่างๆ ที่เผยออกมามีความสำคัญมาก และผมคิดว่า พวกเขามีแผนการที่รัดกุม แต่ขึ้นอยู่กับว่า พวกเขาจะดำเนินการอย่างไร”
นอกจากนี้ บรรดานักวิจัยยังกล่าวเตือนว่า คลื่นความร้อนกำลังบั่นทอนความพยายามของอินเดีย ที่จะบรรลุ “เป้าหมายการพัฒนาสังคม” ซึ่งเป็นรายการ 17 เป้าหมายของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ในการจัดการกับความยากจน ความหิวโหย ความไม่เท่าเทียม และโรคภัยไข้เจ็บ
ที่มา: รอยเตอร์