สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคมว่า ตลาดหุ้นเอเชียและหุ้นฟิวเจอร์สของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นในวันเดียวกัน ขณะที่ ค่าเฉลี่ยดัชนีหุ้นนิคเคอิของตลาดการซื้อขายโตเกียวพุ่งทะลุระดับสูงสุดในรอบ 33 ปี นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปี 1990 เนื่องจากแรงสนับสนุนของสถานการณ์เพดานหนี้ของสหรัฐอเมริกาและค่าเงินเยนที่อ่อนตัวลงกว่าเดิม
ภายหลังสัปดาห์แห่งการเจรจาอย่างหนักหน่วง ประธานาธิบดี โจ ไบเดนของสหรัฐฯ กล่าวถึงสถานการณ์เพดานหนี้ของประเทศ เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมว่า ตนได้สรุปข้อตกลงด้านเพดานหนี้ 31.4 ล้านล้านกับ เควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรแล้ว โดยข้อตกลงดังกล่าวก็พร้อมที่จะนำเข้าสู่สภาคองเกรส เพื่อลงคะแนนเสียงในวันที่ 31 พฤษภาคมนี้ อย่างไรก็ตาม พรรครีพับลิกันหัวรุนแรงและพรรคเดโมแครตหัวก้าวหน้าได้วิพากษ์วิจารณ์ข้อตกลงดังกล่าวอย่างรุนแรง
ข่าวดีดังกล่าวได้ทำให้ดัชนีหุ้นฟิวเจอร์ส S&P 500 ESc1 ของตลาดหุ้นวอลล์สตรีตปรับตัวขึ้น 0.2% ในเอเชีย ขณะที่ดัชนีหุ้นฟิวเจอร์ส Nasdaq NQc1 ทรงตัวอยู่ที่ 0.4%
ส่วนดัชนี MSCI ซึ่งเป็นดัชนีราคาหุ้นชั้นนำของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกภายนอกญี่ปุ่น ปรับตัวสูงขึ้น 0.3% หลังจากดิ่งลง 1.1% ในสัปดาห์ก่อนหน้า
ด้านดัชนีนิคเคอิ 225 ของโตเกียวพุ่งขึ้น 1.3% แตะระดับสูงสุดในรอบ 33 ปี อยู่ที่ 31,560.43 ภายใน 10 นาทีแรกของการซื้อขาย แม้ว่าจะมีการปรับตัวลงในช่วงการหยุดพักซื้อขายหุ้นระหว่างวัน 1.32% อยู่ที่ 31,325.84 ซึ่งใกล้กับระดับที่ต่ำที่สุดในช่วงเวลาดังกล่าว
มากิ ซาวาดะ นักยุทธศาสตร์ จากบริษัทหลักทรัพย์ Nomura Securities กล่าวถึง ภาวะดังกล่าวว่า การที่สหรัฐฯ ไม่สามารถยุติสถานการณ์เพดานหนี้ได้อย่างสมบูรณ์ ส่งผลให้ยังคงมีความเสี่ยงอยู่ในระดับหนึ่ง แต่ความเห็นพ้องในเรื่องพื้นฐานได้ทำให้ความเสี่ยงลดลง ขณะที่ ไบเดนและแมคคาร์ธีมีความมุ่งมั่นที่จะหลีกเลี่ยงการผิดนัดในการชำระหนี้
“นิคเคอิได้ก้าวข้ามจุดลงทุนทางจิตวิทยาที่ 31,500 ในวันจันทร์ (29 พ.ค.) แต่ท้ายที่สุดแล้วตัวเลขที่เพิ่มสูงนี้อาจจะมากเกินไป” ซาวาดะ กล่าว และว่า “ในสัปดาห์นี้ ฉันคาดว่านิคเคอิจะปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่จะมีการดีดกลับในระยะสั้น”
หุ้นของบริษัทญี่ปุ่นที่เกี่ยวข้องกับชิปยังคงมีผลประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่การพัฒนาของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้ทำให้หุ้นเทคที่เกี่ยวข้องในตลาดหุ้นวอลล์สตรีตได้รับอานิสงส์ตามไปด้วย
ด้านดัชนีดอลลาร์แตะจุดต่ำสุดที่ 104.17 ในขณะที่ สกุลเงินอื่นๆ ที่มีความเปราะบางต่อความเสี่ยงเกิดการดีดตัวขึ้น อย่างไรก็ดี ดัชนีที่อ่อนค่าลงนี้ยังไม่ทิ้งห่างจากระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนเมื่อวันศุกร์ (26 พ.ค.) ที่ผ่านมา
ค่าเงินเยนอ่อนตัวลงแตะจุดต่ำสุดใหม่ในรอบ 6 เดือน อยู่ที่ 140.89 ต่อดอลลาร์ในการซื้อขายช่วงเช้า ขณะที่ ค่าเงินยูโรอ่อนค่าในรอบราวๆ สองเดือนที่ 1.0727 ดอลลาร์
ที่มา: รอยเตอร์