รอยเตอร์ รายงานว่า ทางการสหรัฐอเมริกาพบผู้ป่วยโรคไข้มาลาเรีย 5 คน ที่รัฐฟลอริดา และเท็กซัส นับเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี ที่มีการพบผู้ป่วยโรคดังกล่าวที่มีสาเหตุมาจากการระบาดภายในประเทศ
ผู้ป่วยทั้ง 5 คน ถูกพบในรัฐฟลอริดา 4 คน และเท็กซัสอีก 1 คน ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา โดยทางการรัฐฟลอริดาพบผู้ป่วยคนแรกที่เขตซาราโซตา เคาน์ตี เมื่อ 26 พ.ค. ส่วนที่รัฐเท็กซัส พบที่เขตคาเมรอน เคาน์ตี โดยผู้ป่วยมีอาชีพเกี่ยวโยงกับการทำงานกลางแจ้ง เมื่อ 23 มิ.ย.
ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคสหรัฐฯ หรือซีดีซี ระบุว่า โรคไข้มาลาเรียถือเป็นเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์ ผู้ที่มีอาการป่วยควรต้องได้รับการประเมินอาการจากแพทย์อย่างเร่งด่วนที่สุด
อย่างไรก็ตาม ซีดีซี ยืนยันว่า ความเสี่ยงการระบาดของโรคไข้มาลาเรียในสหรัฐฯ ยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำ โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่พบนั้นติดมาหลังจากเดินทางไปต่างประเทศ ในจำนวนนี้ ติดมาจากทวีปแอฟริกา มากถึงร้อยละ 95
รายงานระบุว่า โรคไข้มาลาเรียมีสาเหตุมาจากเชื้อปรสิตจำนวน 5 สายพันธุ์ มีพาหะเป็นยุงก้นปล่อง โดยอาการของผู้ติดเชื้อจะมีไข้ หนาวสั่น ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและอ่อนเพลีย หากมีอาการรุนแรงอาจคลื่นไส้ อาเจียนและอุจจาระร่วง หากไม่ได้รับการดูแลจากแพทย์อาจนำไปสู่อาการไตวาย ชักเกร็ง โคม่า และอาจเสียชีวิตได้
ด้านทางการรัฐฟลอริดา ประกาศเตือนให้ประชาชนใช้ความระมัดระวังโรคที่มียุงเป็นพาหะแล้ว พร้อมแนะนำให้ประชาชนทำลายแหล่งน้ำขัง ตรวจสอบมุ้งลวดหน้าต่างให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ พร้อมใช้ยาฆ่ายุงที่มีส่วนผสมของดีอีอีที หรือดีท เพื่อป้องกันตัวเองจากการถูกยุงกัด รวมถึงการแต่งกายที่มิดชิด เช่น กางเกงขายาวและเสื้อแขนยาวหากอยู่ในพื้นที่ยุงชุกชุม
เช่นเดียวกันกับรัฐเท็กซัสที่ประกาศเตือนภัยด้านสาธารณสุข โดยแนะนำให้บรรดาคลินิกและสถานพยาบาลตรวจสอบประวัติการเดินทางของผู้ป่วยเป็นพิเศษ รวมถึงอาการที่คล้ายกับโรคไข้มาลาเรีย เพื่อเฝ้าระวังต่อไป
ที่มา: รอยเตอร์