โดย พริ้มพัชร จิรบวรพงศา, AFPTTM , BBLAM
ปัจจุบันนักลงทุนทั่วโลก กำลังให้ความสนใจและให้ความสำคัญ ในแนวคิดเรื่องการลงทุนอย่างยั่งยืน (Sustainable Investing) สาเหตุหลักก็เป็นเพราะโลกของเรา กำลังเผชิญกับปัญหาสิ่งแวดล้อม อย่าง ภาวะโลกร้อน ปัญหาน้ำท่วม หรือฝุ่น PM2.5 ปัญหาต่างๆ เหล่านี้ได้ส่งผลกระทบเชิงลบต่อการใช้ชีวิตในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น ชีวิตประจำวัน การทำงาน การทำธุรกิจ และได้ขยายวงกว้างออกไปยังระบบเศรษฐกิจและการลงทุนด้วย จึงทำให้หลายๆ ประเทศทั่วโลกหันหน้ามาร่วมมือกัน ทั้งการสร้างข้อตกลงปารีส (Paris Agreement) หรือการนำแนวคิดนี้มาเป็นส่วนหนึ่งในการกำหนดนโยบายทางเศรษฐกิจและการลงทุน
สำหรับประเทศไทย รัฐบาลได้สนับสนุนแนวคิดเรื่องการจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อมด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างแผนบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม พ.ศ.2561 – 2564 ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จำนวน 86 โครงการ ภายใต้ 4 ยุทธศาสตร์การจัดการสิ่งแวดล้อม ด้วยงบประมาณกว่าหมื่นล้านบาท โดยเน้นเรื่องการบริหารจัดการขยะ น้ำเสีย และสภาพอากาศ ด้วยการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง และวางแผนโครงสร้างพื้นฐานด้านสิ่งแวดล้อม เป้าหมายเพื่อให้เป็นพื้นที่เศรษฐกิจที่มีความพร้อมรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
สำหรับธุรกิจการเงินและการลงทุนรัฐบาลได้มอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยสนับสนุนและขับเคลื่อนการเงินยั่งยืน (Sustainable Finance) ให้เป็นจริงด้วยการกำหนดแนวทางในการปรับกระบวนการทำธุรกิจและสร้างวัฒนธรรมขององค์กรให้ใส่ใจสิ่งแวดล้อม สังคม และมีธรรมาภิบาล (ESG)
ซึ่งสามารถสะท้อนออกมาผ่านผลิตภัณฑ์และการให้บริการทางการเงิน โดยมีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนได้เป็นอย่างดีและยั่งยืน ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้มีการจัดทำดัชนีชี้วัดความยั่งยืน (Sustainability Index) ที่ชื่อว่า THSI เพื่อเป็นดัชนีชี้วัดการดำเนินการธุรกิจต่างๆ ว่ามีกระบวนการทำธุรกิจที่สอดคล้องกับแนวคิด ESG มากน้อยอย่างไร? โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ภาคธุรกิจหันมาสนใจแนวคิดในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน เพื่อให้ธุรกิจสามารถเติบโตสอดคล้องไปกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดี ด้วยการลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมลดปัญหาสังคม และมีความโปร่งใสตรวจสอบได้
ในส่วนของ BBLAM ได้ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาต่างๆ เหล่านี้ และได้ตอบรับแนวคิดเรื่อง “การเงินยั่งยืน (Sustainable Finance)” ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้วางแนวทางไว้ โดยจัดตั้งกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในบริษัทต่างๆ ที่ให้ความสำคัญกับ ESG และมีการสร้าง Track Record เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าการลงทุนใน ESG สามารถให้ผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ลงทุนได้ ผ่านกองทุนรวมที่ชื่อว่า กองทุนเปิดบัวหลวงสิริผลบรรษัทภิบาล (B-SIRICG) และยังมีกองทุนรวมคนไทยใจดี (BKIND) ที่นำเงินไปช่วยเหลือสังคมมาอย่างต่อเนื่องด้วยการบริจาคค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการ 40% นอกจากนี้ ยังจัดตั้งกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในบริษัททั่วโลกที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดการอย่างยั่งยืน โดยคำนึงถึงผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมในทุกขั้นตอนการผลิตสินค้าและบริการ รวมถึงมีการลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนผ่านกองทุนรวมที่ชื่อว่า บัวหลวงยั่งยืน (B-SIP) อีกด้วย
สำหรับ BBLAM การลงทุนอย่างยั่งยืน (Sustainable Investing) เป็นการเดินทางครั้งสำคัญที่ต้องอาศัยการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อหาโอกาสในการลงทุนและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ลงทุนได้อย่างยั่งยืน ดังนั้น สำหรับตัวผู้ลงทุนเองก็ควรต้องศึกษาและทำความเข้าใจเรื่องการลงทุนอย่างยั่งยืนด้วยเช่นกัน เพราะการลงทุนในธุรกิจที่เน้นความยั่งยืนนั้นต้องใช้ระยะเวลาลงทุนนานพอสมควร ด้วยเหตุนี้ ผู้ลงทุนจึงต้องกำหนดสัดส่วนในการลงทุนให้เหมาะสมกับเป้าหมาย ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ รวมถึงระยะเวลาในการลงทุนที่ต้องการด้วย