OECD เผยงานกว่า 27% มีความเสี่ยงสูงจากการปฏิวัติ AI ย้ำค่าจ้างขั้นต่ำ-การเจรจาต่อรองร่วมกัน อาจช่วยลดแรงกดดัน
เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2566 สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) กลุ่มสมาชิก 38 ประเทศ ซึ่งครอบคลุมประเทศที่ร่ำรวยเป็นส่วนใหญ่ แต่ยังรวมถึงประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่บางแห่ง เช่น เม็กซิโกและเอสโตเนีย ระบุว่างานมากกว่า 1 ใน 4 ใน OECD พึ่งพาทักษะที่สามารถทำงานโดยอัตโนมัติได้อย่างง่ายดายจากการปฏิวัติปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่กำลังจะมาถึง และพนักงานวิตกว่าอาจตกงานให้กับ AI
OECD กล่าวว่า มีหลักฐานเพียงเล็กน้อยว่า การเกิดขึ้นของ AI มีผลกระทบอย่างมากต่องานจนถึงขณะนี้ แต่นั่นอาจเป็นเพราะการปฏิวัติ ซึ่งยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น งานที่มีความเสี่ยงสูงสุดคิดเป็น 27% ของกำลังแรงงานโดยเฉลี่ยในประเทศกลุ่ม OECD โดยประเทศในยุโรปตะวันออกมีความเสี่ยงมากที่สุด
โดยงานที่มีความเสี่ยงสูงสุด ถูกกำหนดให้เป็นงานที่ใช้ทักษะและความสามารถมากกว่า 25 จาก 100 รายการที่ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI พิจารณาว่าสามารถทำงานโดยอัตโนมัติได้อย่างง่ายดาย
โดยเมื่อปีที่แล้ว OECD พบในการสำรวจ ซึ่งการสำรวจครอบคลุมพนักงาน 5,300 คน ในบริษัท 2,000 แห่ง รอบคลุมภาคการผลิตและการเงินทั่วทั้ง 7 ประเทศในกลุ่ม OECD ซึ่งการสำรวจมีขึ้นก่อนที่ AI กำเนิดอย่าง ChatGPT จะเกิดขึ้นว่า 3 ใน 5 ของคนงานในขณะเดียวกันก็วิตกว่าตนเองจะตกงานให้กับ AI ในอีก 10 ปีข้างหน้า
แม้จะมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการกำเนิดของ AI แต่พนักงาน 2 ใน 3 ที่ทำงานกับ AI อยู่แล้วกล่าวว่า ระบบอัตโนมัติทำให้งานของพวกเขามีอันตราย หรือน่าเบื่อหน่ายน้อยลง
Mathias Cormann เลขาธิการ OECD กล่าวในการแถลงข่าวว่า “ท้ายที่สุดแล้ว AI จะส่งผลกระทบต่อพนักงานในที่ทำงานอย่างไร และผลประโยชน์จะมีมากกว่าความเสี่ยงหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการดำเนินนโยบายที่เราดำเนินการ รัฐบาลต้องช่วยพนักงานในการเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงและได้รับประโยชน์จากโอกาสที่ AI จะเข้ามา”
OECD ระบุว่า ค่าจ้างขั้นต่ำและการเจรจาต่อรองร่วมกันอาจช่วยลดแรงกดดันที่ AI ต้องจ่ายค่าจ้าง ในขณะที่ รัฐบาลและหน่วยงานกำกับดูแลจำเป็นต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าสิทธิของคนงานไม่ถูกละเมิด
ที่มา: รอยเตอร์