2023 – The Rise of Asia |
INVESTMENT STRATEGY
BBLAM X Fidelity INTERNATIONAL
“การขึ้นมาของกลุ่มเทคโนโลยีในครั้งนี้ มาจากแรงหนุนของหุ้น Generative Artificial Intelligence (AI) ทาง Fidelity ให้คำจำกัดความของการปรับขึ้นมาของกลุ่มเทคฯ ในครั้งนี้ว่า Very narrow market leadership, led by AI winners เพราะเป็นการปรับขึ้นโดยหุ้น AI-linked mega caps”

B-INNOTECH ลงทุนในกองทุนหลักซึ่งบริหารจัดการโดย Fidelity International และเป็นที่ทราบกันดีว่า แนวทางการบริหารของกองทุนหลักเน้นเสาะหาอุตสาหกรรมที่เป็นโอกาสและราคาสมเหตุสมผล ทำให้บ่อยครั้งที่กองทุนจะไม่ได้มีผลการดำเนินงานโดดเด่นไปตามตลาดในบางช่วง ด้วยแนวทางบริหารข้างต้นทำให้ความผันผวนของผลการดำเนินงานของกองทุน B-INNOTECH เมื่อเปรียบเทียบกับดัชนีชี้วัด MSCI ACWI Information Technology Net Total Return USD Index (ปรับสกุลเงินบาท) ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาใดก็จะต่ำกว่า

นับตั้งแต่ต้นปีมา กลุ่มเทคฯ ก็เป็นกลุ่มหนึ่งที่ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ คึกคัก ซึ่งการขึ้นมาของกลุ่มเทคฯ ในครั้งนี้มาจากแรงหนุนของหุ้น Generative Artificial Intelligence (AI) ทาง Fidelity ให้คำจำกัดความของการปรับขึ้นมาของกลุ่มเทคฯ ในครั้งนี้ว่า “Very narrow market leadership, led by AI winners” เพราะเป็นการปรับขึ้นโดยหุ้น AI-linked mega caps อย่างเช่น Nvidia
ถึงแม้ AI ไม่ได้เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่พึ่งพูดถึงกัน แต่หลังจากที่มีการนำ ChatGPT และ Other large language models (LLM) ซึ่งเป็นการวิวัฒนาการใหม่ ๆ มาเปิดตัว รวมถึงกระแสของการทำให้เห็นถึงประโยชน์ของ AI ที่จะนำมาใช้ในทางธุรกิจ ก็ยิ่งทำให้มีการคาดการณ์จากตลาดถึงผลประกอบการของ Nvidia และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ที่จะดีมากขึ้น
Fidelity ก็ไม่ได้มองสิ่งนี้แตกต่างจากตลาด แต่เลือกที่คิดกรอบการลงทุนที่ไม่เหมือนตลาด โดยแบ่งธุรกิจนี้เป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ AI winners และ AI losers แน่นอนว่า Nvidia และแม้แต่ Microsoft อยู่ฝั่ง AI winners และกำลังจะได้รับประโยชน์เพิ่มจาก AI Investment cycle (GPU และ Infiniband) และหลายบริษัทจะได้ประโยชน์เพิ่มขึ้น ถ้าสามารถผลักดัน AI กลายเป็นกุญแจของการนำมาใช้ที่สำคัญได้ ที่สำคัญ Nvidia น่าจะสามารถแสดงผลประกอบการที่ดีต่อไปในอีกหนึ่งถึงสองไตรมาส และก็เป็นไปได้ว่า เมื่อตลาดนำมูลค่าการเติบโตของ AI มาคำนวณแล้ว ก็อาจทำให้ Nvidia มีผลประกอบการนำหน้าหลายบริษัท อย่างเช่น Intel หลายเท่าตัว

อะไรที่ Fidelity คิดว่าเป็นโอกาสต่อไป
Fidelity มีแนวทางลงทุนที่มองหาหุ้นที่มีโอกาส และไม่ได้มีราคาที่สูงเกินไป ทำให้การที่จะให้นำ้หนักลงทุนในหุ้นกลุ่ม AI winners อย่างเช่น Broadcom, Marvel, Arista, Nvidia และอีกหลายตัว) ในระดับที่พอเหมาะตามสถานการณ์ แต่น่าจะมาให้ความสำคัญกับหุ้นกลุ่มไหนที่จะได้ประโยชน์ถัดไป และแน่นอนว่า ตอนนี้หุ้นเหล่านี้ เช่น TSMC, ASMPT จะไม่ได้รับ spotlight ได้เท่า แต่หุ้นเหล่านี้ก็มีตำแหน่งทางตลาดที่แข็งแกร่ง ถึงแม้จะไม่ได้ประโยชน์โดยตรงจาก AI ตัวอย่างหนึ่งที่ Fidelity มองก็คือ AI จะทำงานได้ดีถ้ามีโครงสร้างพื้นฐานของการประมวลผลที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ผู้ผลิต Hardware และ Software ก็จะมีความสำคัญที่ตลาดคิดถึงตามมา อย่างเช่น หุ้น Semi cap อย่าง KLA และ ASMPT เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างก็ต้องพิจารณาแบบเจาะจงมากขึ้น เช่น ถึงแม้เห็นว่าการจัดการระบบข้อมูลกำลังเป็นสิ่งสำคัญที่ได้ประโยชน์ตามมา แต่ยังต้องเจาะจงไปที่ธุรกิจ Data center ที่สนับสนุนธุรกิจที่สัมพันธ์กับ AI มากกว่าธุรกิจที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับ AI ไม่เว้นแต่ Intel บริษัทเทคฯ ที่นักลงทุนให้ความสำคัญ ก็ยังต้องมาดูว่า ธุรกิจจะประกาศแผนเพิ่มรายได้ในปีหน้าอย่างไร
เมื่อดูอารมณ์ตลาดในตอนนี้ก็เหมือนยังมีความระมัดระวัง เช่น บริษัท Software ยังคงเผชิญความเสี่ยงจากองค์กรต่าง ๆ ลดงบประมาณลง แต่บางธุรกิจก็มีมุมมองดีขึ้น ตัวอย่างเช่น Amazon ก็เริ่มให้นำ้หนักกับรายได้โฆษณา และธุรกิจค้าปลีก ธูรกิจผลิตพีซีและสมาร์ทโฟนก็กำลังมองเห็นการฟื้นตัวในครึ่งปีหลังที่จะมา
หุ้นเทคฯ ยุคนี้ “ฟองสบู่” กลับไปซ้ำรอยปี 2000?
ยุคปี 2000 ความรุ่งเรืองของกลุ่มเทคฯ อิงไปกับการเติบโตของอินเทอร์เน็ต ซึ่งต่อมานักลงทุนต้องผิดหวังเมื่ออินเทอร์เน็ตมาช้ากว่าที่คาด แต่ยุคนี้ความคล้ายคลึงกับปี 2000 มีอยู่ที่บริษัทเทคฯ มียอดขายและรายรับทวีคูณคล้ายกัน แต่เบื้องหลังของผลประกอบการต่างกันตรงที่ยุคนี้ดูสมเหตุสมผลมากกว่า ดังเช่น
- ความสำเร็จของบริษัทเทคฯ มีความหลากหลายมากกว่า และถึงแม้ AI ถ้าจะมาช้ากว่าที่ตลาดคาด แต่ความต้องการใช้เทคฯ ก็ไม่ได้หายไปตาม เพราะพื้นการพัฒนาหลายๆ ด้านก็มาจากเทคฯ และสินค้าและบริการที่ผู้บริโภคใช้ทุกวันนี้ก็มีเทคฯ เป็นส่วนหนึ่งไปแล้ว
- บริษัทเทคฯ ยุคนี้มีอำนาจในการกำหนดราคาที่แข็งแกร่งกว่ายุคนั้น ซึ่งก็พิสูจน์แล้วในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อสูงที่ดันดอกเบี้ยเพิ่มสูงมาก อย่างเช่น ธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งได้ประโยชน์จากชิปที่กลายเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตสินค้าและบริการในปัจจุบัน และตัวชิปเองก็มีความซับซ้อนในตัวเองและกระบวนการผลิตมากขึ้น ทำให้ผู้ผลิตมีอำนาจในการต่อรองราคา
BBLAM แนะนำ กองทุนที่ลงทุนในนวัตกรรม 2 แบบ
- กองทุนลงทุนในเทคโนโลยี แต่พยายามเฟ้นหาหุ้นเทคฯพื้นฐานดี มูลค่ายังน่าลงทุน : B-INNOTECH หรือกองทุนลดหย่อนภาษี ได้แก่ B-INNOTECHRMF และ B-INNOTECHSSF
- กองทุนลงทุนในธุรกิจที่กำลังเป็นเทรนด์ที่จะมา ปัจจุบันเน้นธุรกิจ AI พลังงานสะอาด และธูรกิจสมัยยใหม่ในตลาดจีน : B-FUTURE หรือกองทุนลดหย่อนภาษี ได้แก่ B-FUTURERMF และ B-FUTURESSF
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ https://www.bblam.co.th/bualuang-insights/bblam-investment-insights/24-28-2023-1