ตลาดการเงินจับตาการประชุมนโยบายการเงินของ 3 ธนาคารยักษ์ใหญ่ระดับโลกในสัปดาห์นี้ หาสัญญาณทิศทางดอกเบี้ย ด้านโปลิตบูโรจีนประชุมออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ

สัปดาห์นี้ ธนาคารกลางประเทศมหาอำนาจจะจัดการประชุมไล่เลี่ยกัน ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประชุมในวันที่ 25-26 ก.ค.  ถัดมาธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประชุมในวันที่ 27 ก.ค. และธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ)  ประชุมในวันที่ 27-28 ก.ค.

*ธนาคารกลางสหรัฐ

 ข้อมูลล่าสุดจาก FedWatch Tool ของ ซีเอ็มอีกรุ๊ป บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักเกือบ 100% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 25-26 ก.ค. และให้น้ำหนักเพียง 0.2% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.00-5.25%

นอกจากนี้ ตลาดมองว่า เฟดใกล้ยุติวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังการเปิดเผยยอดค้าปลีก, ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่ต่ำกว่าคาด โดยนักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้เป็นครั้งสุดท้ายในปีนี้ ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า

ทั้งนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 40.4% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 19-20 มี.ค.2567 โดยให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นจากระดับ 34.7% เมื่อเดือนที่แล้ว

*ธนาคารกลางยุโรป 

ผลการสำรวจจัดทำโดยสำนักข่าวรอยเตอร์ พบว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า อีซีบี จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 27 ก.ค. ซึ่งอาจเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งสุดท้ายในปีนี้ หลังจากปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 8 ครั้งติดต่อกัน

ทั้งนี้ อีซีบีได้เริ่มวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนับตั้งแต่เดือนก.ค.2565 เพื่อสกัดเงินเฟ้อ

*ธนาคารกลางญี่ปุ่น 

ตลาดคาดการณ์ว่า บีโอเจ  อาจจะปรับนโยบายการเงินในการประชุมวันที่ 27-28 ก.ค.นี้ หลังจากญี่ปุ่นเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานพุ่งขึ้น 3.3% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าเป้าหมายของบีโอเจ ที่ระดับ 2% เป็นเดือนที่ 15 ติดต่อกัน

ส่วนในการประชุมครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา บีโอเจ มีมติคงนโยบายการเงิน โดยคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ -0.1% และคงนโยบายควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (yield curve control program) รวมทั้งคงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นประเภทอายุ 10 ปีที่ระดับ 0%
 

อย่างไรก็ดี บีโอเจเคยสร้างความประหลาดใจให้กับตลาดการเงิน ด้วยการขยายกรอบอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของรัฐบาลญี่ปุ่นให้เคลื่อนไหวในช่วง -0.5% ถึง +0.5% จากเดิมที่ -0.25% ถึง +0.25% ในการประชุมเดือนธ.ค. 2565 ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกให้กับตลาดเงินและถูกมองว่า BOJ กำลังส่งสัญญาณยุติการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายพิเศษ (ultraloose monetary policy)

บรรยากาศตลาดหุ้น

 ตลาดหุ้นเอเชียเมื่อวันจันทร์ (24 ก.ค.) ไร้ทิศทาง นักลงทุนจับตาการประชุมธนาคารกลางสามประเทศใหญ่ในสัปดาห์นี้ ผนวกกับความกังวลเรื่องเศรษฐกิจจีนยังคงบั่นทอนความเชื่อมั่น

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงาน ข้อมูลล่าสุดบ่งชี้ว่า ตอนนี้เงินเฟ้อกำลังอ่อนตัวลงหลังขึ้นดอกเบี้ยมานานกว่าหนึ่งปี เกิดความหวังว่าทางการใกล้ยุติวงจรการเงินตึงตัวเต็มที

ตลาดจับตาที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่ถูกคาดหมายกันมากว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง นักลงทุนก็กำลังมองหาทิศทางเฟดหลังจากนั้น มีการถกเถียงกันมากว่า เฟดจะหยุดขึ้นดอกเบี้ยหรือเดินหน้าต่อเพื่อดึงเงินเฟ้อให้ลดลงสู่เป้าหมาย 2% จาก 3% ในปัจจุบัน

ข้อมูลเชิงบวกจำนวนมากช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เปิดโอกาสให้เฟดเบามือได้ และเปิดทางให้เศรษฐกิจพ้นจากภาวะถดถอยอย่างที่หวาดกลัวกัน

โกลด์แมนแซคส์ลดโอกาสเศรษฐกิจสหรัฐฯ ถดถอยใน 12 เดือนข้างหน้าจาก 25% มาอยู่ที่ 20%

ในภาพรวมตลาดหุ้นเอเชียวันจันทร์ขึ้น ทั้งโตเกียว โซล เซี่ยงไฮ้ ไทเป กรุงเทพ จาการ์ตา และเวลลิงตัน แต่ตลาดฮ่องกง เซี่ยงไฮ้ ซิดนีย์ มุมไบ มะนิลา และสิงคโปร์ปิดลบ

เงินเยนแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์ หลังจากปลายสัปดาห์ก่อนอ่อนค่าลงมากเมื่อมีรายงานว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ไม่น่าเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินแบบผ่อนปรนมากในการประชุมวันศุกร์นี้

ตลาดหุ้นยุโรปเปิดลบในวันจันทร์ ขณะที่ นักลงทุนประเมินผลการเลือกตั้งที่ยังไม่ได้ข้อสรุปของสเปน และจับตาการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน การประชุมของธนาคารกลาง และการรายงานตัวเลขข้อมูลเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้

ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 เปิดตลาดที่ระดับ 465.00 จุด ลดลง 0.40 จุด หรือ -0.09%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีเปิดตลาดที่ระดับ 16,126.71 จุด ลดลง 50.51 จุด หรือ -0.31% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสเปิดที่ 7,405.66 จุด ลดลง 27.11 จุด หรือ -0.36%

หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลดลง 0.8% ในขณะที่หุ้นกลุ่มโทรคมนาคมปรับตัวขึ้น 0.6%

การเลือกตั้งของสเปนเมื่อวันอาทิตย์ (23 ก.ค.) ยังไม่ได้ข้อสรุปชัดเจน เนื่องจากพรรคใหญ่ทั้งสองพรรคต่างไม่ได้รับเสียงข้างมาก ซึ่งนำไปสู่การเจรจาที่อาจยืดเยื้อ เพื่อจัดตั้งรัฐบาลผสม

ธนาคารกลางยุโรปจะประชุมในวันพฤหัสบดี (27 ก.ค.) ซึ่งคาดว่าผู้กำหนดนโยบายจะประกาศการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% และเสนอแนวทางสำหรับขั้นตอนสุดท้ายของความพยายามในการรับมือกับเงินเฟ้อ

กังวลเศรษฐกิจจีน

พร้อมกันนั้นนักลงทุนยังคงจับตาแนวโน้มเศรษฐกิจจีน หลังข้อมูลสัปดาห์ก่อนชี้ว่า จีดีพีจีนไตรมาสสองขยายตัวต่ำกว่าคาด สัปดาห์นี้คณะกรมการเมือง (โปลิตบูโร) จะประชุมกันคาดว่าน่าจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจบางอย่าง เนื่องจากมาตรการสนับสนุนที่ออกมาก่อนหน้านี้ช่วยได้ไม่มากเท่าที่ควร

แต่เนื่องจากรัฐบาลปักกิ่งกังวลเรื่องหนี้มากมายมหาศาลของรัฐบาลท้องถิ่น ประกอบกับอยากเลี่ยงนโยบายที่ทำให้เกิดฟองสบู่อย่างที่เคยทำมาในอดีต นักวิเคราะห์คาดว่า นโยบายที่ทางการจีนจะออกมาหลังจากนี้ไม่ใหญ่โตอย่างที่นักลงทุนคาดหวัง

ที่มา: รอบเตอร์