เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2566 สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า ธนาคารกลางฮ่องกง (HKMA) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 5.75% ในการประชุมวันนี้ (27 ก.ค.) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 16 ปี หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25%
โดยทันทีหลังจากธนาคารกลางฮ่องกงประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ย เงินดอลลาร์ฮ่องกงแข็งค่าขึ้นเป็น 7.7951 ดอลลาร์ฮ่องกงต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 8 เดือน ทั้งนี้ นโยบายการเงินของธนาคารกลางฮ่องกงเคลื่อนไหวตามทิศทางธนาคารกลางสหรัฐฯ เนื่องจากค่าเงินฮ่องกงตรึงอยู่กับดอลลาร์ในช่วง 7.75-7.85 ดอลลาร์ฮ่องกงต่อดอลลาร์สหรัฐ
โดยคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ (26 ก.ค.) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 22 ปี
Arthur Yuen รักษาการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ HKMA กล่าวในการแถลงข่าวผ่านสื่อว่า “ภายใต้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนที่เชื่อมโยงกัน อัตราข้อเสนอระหว่างธนาคารของฮ่องกงจะติดตามอัตราของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ส่วนต่างระหว่างทั้งสองค่อยๆ แคบลง”
ในขณะที่ ประเด็นบริษัทต่างๆ อาจเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นในการกู้ยืมเงินจากธนาคารฮ่องกง Arthur Yuen กล่าวว่า “เรายังไม่เห็นว่า ต้นทุนการจัดหาเงินทุนที่สูงขึ้น จะส่งผลกระทบต่อลูกค้าของธนาคารโดยตรง”
Yuen กล่าวว่า ปัจจัยตามฤดูกาลอีกประการหนึ่งที่ทำให้อัตราดอกเบี้ยธนาคารฮ่องกงสูงขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา คือ ความต้องการจ่ายเงินปันผลของบริษัทต่างๆ ในสกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งโดยปกติจะสูงสุดตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม ทำให้อัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารของฮ่องกงหนึ่งเดือน ซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐานที่ธนาคารใช้ในการกำหนดราคาสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 16 ปีที่ 5.21% เมื่อต้นเดือนนี้ เนื่องจากเกินอัตราหนึ่งเดือนของสหรัฐฯ ที่ค้ำประกัน อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ข้ามคืน (SOFR) ก่อนมีแนวโน้มลดลงในสัปดาห์นี้
ที่มา: รอบเตอร์