iPhone ยอดขายร่วง ฉุดหุ้น Apple ดิ่ง 2%

iPhone ยอดขายร่วง ฉุดหุ้น Apple ดิ่ง 2%

ยักษ์ “Apple” เปิดผลประกอบการไตรมาส 3 ตามปีงบการเงิน 2566 พบยอดขาย iPhone ลดลง แต่รายได้จาก Apple TV+ เพิ่มขึ้น

วันที่ 4 สิงหาคม 2566 รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ตามปีงบการเงิน 2566 (สิ้นสุด ณ วันที่ 1 ก.ค.) ของบริษัท แอปเปิล อิงก์ (Apple) ระบุว่า ยอดขายประจำไตรมาสอยู่ที่ 8.18 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 1% เมื่อเทียบเป็นรายปี

ทั้งนี้ รอยเตอร์ (Reuters) รายงานด้วยว่า แม้ว่ายอดขายประจำไตรมาสของ Apple จะสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 8.16 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ราคาหุ้นของ Apple กลับลดลงประมาณ 2% เนื่องจากบริษัทคาดการณ์ว่า ยอดขายในไตรมาส 4 อาจลดลงอีกเช่นกัน ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 9.01 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

โดยยอดขายประจำไตรมาส 3 ตามปีงบการเงิน 2566 ของแต่ละผลิตภัณฑ์เป็นดังนี้

  • iPhone มียอดขายอยู่ที่ 3.96 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ 4.06 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
  • Mac มียอดขายอยู่ที่ 6.84 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ 7.38 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
  • iPad มียอดขายอยู่ที่ 5.79 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ 7.22 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
  • อุปกรณ์สวมใส่และอื่นๆ เช่น Apple Watch และ AirPods มียอดขายอยู่ที่ 8.28 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ 8.08 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
  • กลุ่มบริการ เช่น Apple TV+ มียอดขายอยู่ที่ 2.12 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ 1.96 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

จะเห็นว่า มีเพียงอุปกรณ์สวมใส่และผลิตภัณฑ์กลุ่มบริการเท่านั้น ที่มียอดขายเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งการเพิ่มขึ้นของยอดขายผลิตภัณฑ์กลุ่มบริการมีปัจจัยมาจากการที่ Apple ประกาศลิขสิทธิ์การฉาย Major League Soccer (MLS) หรือการแข่งขันฟุตบอลลีกสูงสุดในสหรัฐฯ และแคนาดาบน Apple TV+ ด้วย

อย่างไรก็ตาม การที่ยอดขาย iPhone ลดลง ได้สร้างความไม่สบายใจให้กับนักลงทุนด้วย โดยแดเนียล นิวแมน (Daniel Newman) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและนักวิเคราะห์จาก Futurum Group บริษัทวิจัยการตลาดในสหรัฐฯ กล่าวกับรอยเตอร์ว่า “นักลงทุนมีความกังวลอย่างมากว่า ยอดขาย iPhone ในอนาคตจะเติบโตอย่างไร”

ที่มา: รอยเตอร์