Fund Comment มิถุนายน 2566: ภาพรวมตลาดหุ้น

Fund Comment มิถุนายน 2566: ภาพรวมตลาดหุ้น

ภาพรวมตลาดหุ้น

ตลาดหุ้นโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ด้วยแรงหนุนจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยเฉพาะหุ้นที่ไม่ใช่กลุ่มเทคโนโลยีที่กลับมาปรับขึ้นตามกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฟดมีมุมมองที่ดีขึ้นต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ เป็น +1% จากเดิมที่ +0.4% และมองโอกาสจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยมีน้อยลงสำหรับปี 2023 นี้ แต่ก็เพิ่มความกังวลต่ออัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวลดลงช้ากว่าคาดเช่นกัน ซึ่งทำให้ผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีสหรัฐฯ กลับมาอยู่เหนือ 4% อีกครั้งในรอบ 4 เดือน ซึ่งอาจจะทำให้เกิดแรงขายทำกำไรระยะสั้นในสินทรัพย์เสี่ยงได้ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่มี Valuation ค่อนข้างตึงตัว แต่เชื่อว่าตลาดสหรัฐฯ อาจจะไม่ได้ปรับตัวลงแรงมาก เพราะความคาดการณ์การสิ้นสุดวงจรอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นถึงจะยาวนานออกไปแต่ก็น่าจะไม่ได้ปรับขึ้นอีกมาก ทางด้านเศรษฐกิจจีนยังไม่ส่งสัญญาณการฟื้นตัวเท่าที่ควร จึงคาดว่าในระยะสั้น บรรยากาศของตลาดหุ้นในต่างประเทศอาจจะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นบ้าง

ทางด้านปัจจัยภายในประเทศไทย ดัชนี SET Index ปรับลดลงประมาณ 2% ในเดือนมิถุนายน ซึ่งนับว่าอ่อนแอกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาค ด้วยความไม่แน่นอนของการจัดตั้งรัฐบาลที่กระทบต่อบรรยากาศการลงทุนของธุรกิจในประเทศ ผลกระทบจากการที่จำนวนนักท่องเที่ยวจีนชะลอลง ซึ่งเป็นผลจากความซบเซาของเศรษฐกิจจีนและมาตรการเพิ่มความเข้มงวดในการออกวีซ่าให้นักท่องเที่ยวจีน ประกอบกับสัญญาณที่แสดงถึงความซบเซาของเศรษฐกิจไทย เช่น ยอดการส่งออกที่ชะลอลง กำลังซื้อของประชาชนที่ลดน้อยลงโดยเฉพาะตลาดระดับล่างที่สะท้อนผ่านปัญหา NPL ในกลุ่มสินเชื่อผู้บริโภคที่อาจจะยังไม่ผ่านจุดสูงสุดอย่างที่เคยคาดการณ์ หรือ ยอดขายร้านค้าปลีกบางประเภทที่อ่อนแอ เป็นต้น ทำให้มีแรงขายในหุ้นไทยในหลายอุตสาหกรรม ด้วยการปรับลดประมาณการผลประกอบการในปี 2023/2024 รวมทั้งกลุ่มที่อิงกับเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งเป็นกลุ่มที่เคยถูกคาดหวังว่าจะนำการฟื้นตัวของตลาดได้เมื่อช่วงต้นของปี ซึ่งถ้าหากเศรษฐกิจไทยยังไม่สามารถเร่งการฟื้นตัวได้ดีขึ้น แม้ Valuation ของหุ้นไทย จะลดลงมาจากช่วงก่อนหน้า แต่ก็ยังไม่นับว่าราคาถูกมากนัก และนักลงทุนต่างชาติแม้จะขายหุ้นไทยน้อยลงในเดือนที่ผ่านมา แต่ก็น่าจะไม่กลับมาเข้าลงทุนหุ้นไทยมากขึ้นด้วยสภาวะการณ์ ณ ขณะนี้