Fund Comment กรกฎาคม 2566: ภาพรวมตลาดหุ้น

Fund Comment กรกฎาคม 2566: ภาพรวมตลาดหุ้น

ภาพรวมตลาดหุ้นโลก

ในเดือนกรกฎาคมปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.9% สะท้อนถึงมุมมองเชิงบวกต่อตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ออกมา โดยหลายฝ่ายได้คาดการณ์ว่า โอกาสที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ ในปีนี้และปีหน้านั้นลดลง และตัวเลข CPI ของสหรัฐในเดือนมิถุนายนปรับตัวเพิ่มขึ้น 3% YoY ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี ซึ่งอัตราเงินเฟ้อที่ทยอยปรับตัวลดลง ส่งผลให้ธนาคารกลางมีแนวโน้มพิจารณาหยุดการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในอีกไม่ช้า นอกจากนี้ ในเดือนที่ผ่านมายังเป็นช่วงฤดูการประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 ในสหรัฐ ซึ่งบริษัทต่างๆ สามารถทำกำไรออกมาได้ดีกว่าตลาดคาด โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ ในขณะที่หุ้นในกลุ่ม Growth มีผลประกอบการที่คละกันไป อย่างไรก็ตาม แม้สัญญาณทางเศรษฐกิจและผลประกอบการจะออกมาค่อนข้างดี แต่ราคาหุ้นหลายตัวกลับเริ่มปรับตัวลดลงสะท้อนให้เห็นถึงการที่ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมาได้สะท้อนความคาดหวังของตลาดไปค่อนข้างมาก ทั้งในแง่การเติบโตของยอดขายและกำไรของบริษัท ในส่วนตลาดหุ้นจีน ตัวเลข GDP ที่ออกมาก็มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แต่ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ส่งผลให้ตลาดมีความคาดหวังว่าจะเห็นมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมามีปริมาณที่มากขึ้น และขนาดที่ใหญ่ขึ้น โดยล่าสุดจากการประชุม Politburo ในช่วงปลายเดือนที่ผ่านมาก็เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนอีกครั้ง และยังเป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกให้กับตลาดจีนต่อจากนี้ แม้ว่าจะยังมีข่าวความเสี่ยงจากปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นระยะๆ ก็ตาม

โดยรวมแล้ว นับว่าปัจจัยทางเศรษฐกิจในต่างประเทศน่าจะไม่ได้ส่งผลทั้งในเชิงลบต่อตลาดหุ้นไทยอย่างมีนัยสำคัญในช่วงระยะสั้น แต่จะส่งผลบวกทางอ้อมมากกว่าต่อราคาพลังงาน ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศน่าจะมีน้ำหนักต่อความผันผวนของตลาดมากกว่า ซึ่งตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ด้วยความหวังในการเห็นการจัดตั้งรัฐบาลมากขึ้นในช่วงต้นเดือน รวมถึงผลประกอบการในประเทศที่เริ่มทยอยประกาศออกมา ในกลุ่มธนาคารที่เห็นการเติบโตของส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่ที่งบการเงินออกมาดีกว่าตลาดคาด รวมทั้งการฟื้นตัวของราคาน้ำมันซึ่งเป็นผลบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน เป็นแรงหนุนทำให้ SET ฟื้นตัวขึ้นมาในช่วงครึ่งเดือนหลัง แต่ผลประกอบการของบริษัทส่วนใหญ่ในไตรมาส 2 ยังไม่โดดเด่น ประกอบกับความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ยังมีอยู่ และตัวเลขเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควร ทั้งตัวเลขส่งออกและจำนวนนักท่องเที่ยวจีนยังฟื้นตัวได้ช้ากว่าคาด อีกทั้งการไม่มีมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาลได้ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของประชาชนโดยเฉพาะต่อกลุ่มผู้มีรายได้น้อย จึงเป็นแรงกดดันให้ตลาดไทยกลับมา Underperform เมื่อเทียบกับตลาดโลก โดยประเด็นที่ต้องติดตามต่อจากนี้คือความชัดเจนทางการเมือง ที่มีผลโดยตรงต่อความผันผวนของตลาดเนื่องจากส่งผลต่อความมั่นใจของนักลงทุน รวมถึงการออกนโยบายต่างๆ ที่จะมาผลักดันเศรษฐกิจไทยต่อจากนี้