SUPEREIF เตรียมจ่ายปันผลครั้งที่ 15 ในอัตรา 0.15798 บาทต่อหน่วย วันที่ 7 กันยายน 2566 นี้ 

SUPEREIF เตรียมจ่ายปันผลครั้งที่ 15 ในอัตรา 0.15798 บาทต่อหน่วย วันที่ 7 กันยายน 2566 นี้ 

นายพรชลิต  พลอยกระจ่าง  รองกรรมการผู้จัดการ  Head of Real Estate & Infrastructure Investment บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หรือ BBLAM เปิดเผยว่า กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี (SUPEREIF) จะจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 15 จากผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 หรือระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2566  ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2566  และกำไรสะสม ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.15798 บาท โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน เพื่อกำหนดสิทธิรับเงินปันผลในวันที่  24 สิงหาคม  2566  และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่  7 กันยายน 2566

เมื่อนับรวมตั้งแต่จัดตั้งกองทุน จนถึงการประกาศจ่ายเงินปันผลครั้งล่าสุด SUPEREIF จ่ายเงินปันผลรวม 15 ครั้ง คิดเป็นเงิน  2.98274 บาทต่อหน่วย และจ่ายเงินคืนทุนไป  3 ครั้ง คิดเป็นเงิน  0.220 บาทต่อหน่วย  รวมเป็นเงินปันผลและเงินคืนทุนที่จ่ายออกไปทั้งสิ้น  3.20274 บาทต่อหน่วย

โดยตั้งแต่ปีปฏิทิน 2566 เป็นต้นไป  หากกองทุนฯ จะมีการจ่ายเงินคืนทุนสำหรับรอบผลการดำเนินงานระหว่างปีปฏิทิน กองทุนฯ จะรวบรวมเงินคืนทุนดังกล่าวไปจ่ายพร้อมกับเงินจ่ายที่จะพิจารณาจากรอบผลการดำเนินงานสุดท้ายของปีปฏิทินนั้นๆ โดยสำหรับรอบผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2566 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2566 กองทุนฯ จะมีสภาพคล่องคงเหลือหลังจากการจ่ายเงินปันผลและการกันสำรองต่างๆ ประมาณ 32.2 ล้านบาท หรือ 0.06260 บาทต่อหน่วย

สำหรับสรุปผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกของปี  2566  พบว่า มีรายได้รวมเท่ากับ  442.2 ล้านบาท ไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน  ส่วนรายได้จากการลงทุนสุทธิอยู่ที่ 349.7  ล้านบาท ลดลง 2.4% จากงวดเดียวกันของปีก่อน สำหรับอัตรากำไรจากรายได้จากการลงทุนสุทธิในช่วง 6 เดือนแรกปี 2566 เท่ากับ 79.1%  เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 81.1%

ในส่วนผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 ปี 2566  พบว่ามีรายได้รวมเท่ากับ 217.4 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 0.5% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 3.3% จากไตรมาสก่อน ส่วนรายได้จากการลงทุนสุทธิอยู่ที่ 169.8 ล้านบาท ลดลง 2.5% และ 5.6% จากไตรมาสก่อน และไตรมาสเดียวกันของปีก่อนตามลำดับ ส่วนอัตรากำไรจากรายได้จากการลงทุนสุทธิ อยู่ที่ 78.1% ลดลงจาก 80.5% ในงวดเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ กองทุนรวม SUPEREIF ลงทุนในสิทธิในรายได้สุทธิจากการดำเนินโครงการกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินขนาดเล็กมากของบริษัท 17 อัญญวีร์ โฮลดิ้ง จำกัด และ บริษัท เฮลท์ แพลนเน็ท เมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 19 โครงการ ตั้งอยู่ในพื้นที่ 8 จังหวัด ได้แก่ ปทุมธานี สระบุรี สมุทรสาคร สมุทรปราการ  ปราจีนบุรี  สระแก้ว  พิจิตร และเพชรบูรณ์ โดยมีปริมาณพลังไฟฟ้าสูงสุดที่เสนอขายตามที่ระบุในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือการไฟฟ้านครหลวง (แล้วแต่กรณี) รวม 118 เมกะวัตต์

ขณะที่ ระยะเวลาโอนสิทธิรายได้สุทธิ  เริ่มตั้งแต่วันที่  14 สิงหาคม 2562  จนถึงวันสิ้นสุดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแต่ละโครงการ ซึ่งระยะเวลาซื้อขายไฟฟ้าภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโครงการโรงไฟฟ้าทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 21-22 ปี นับจากวันที่ 14 สิงหาคม 2562 โดยวันสิ้นสุดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าโครงการสุดท้ายจะสิ้นสุดในวันที่ 26 ธันวาคม 2584

ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจ ลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน

ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

BBLAM

11 สิงหาคม 2566