เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2566 เวลา 08.50 น. สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า แหล่งข่าวระบุว่า ในขณะที่ ซิตี้กรุ๊ป (Citigroup) เริ่มดำเนินการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ นอกจากปลดพนักงานฝ่ายบริหารออกแล้ว ยังมีนโยบายลดตำแหน่งงาน โดยตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับการกำกับพนักงานในการปฏิบัติตามกฎระเบียบและการบริหารความเสี่ยง เป็นหนึ่งในกลุ่มที่มีแนวโน้มมากที่สุดที่จะถูกเลิกจ้าง รวมถึงตำแหน่งงานด้านเทคโนโลยีที่ทำงานในหน้าที่ทับซ้อนกันก็มีความเสี่ยงที่จะถูกเลิกจ้างเช่นกัน
แหล่งข่าว ระบุว่า ผู้จัดการของซิตี้กรุ๊ปกำลังหารือกับพนักงานเกี่ยวกับการเลิกจ้างที่อาจเกิดขึ้น ขณะที่ แหล่งข่าวคนหนึ่งกล่าวว่า การประชุมแบบตัวต่อตัวเกี่ยวกับการเลิกจ้างก็เริ่มต้นขึ้นเช่นกัน
การเจรจาเกิดขึ้น หลังจากที่ซิตี้กรุ๊ปประกาศเมื่อวันพุธ (13 ก.ย.) ว่า จะเลิกจ้างผู้บริหารและเลิกจ้างงาน เฟรเซอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของซิตี้กรุ๊ป เรียกว่า การปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ที่สุดของซิตี้ในรอบเกือบ 2 ทศวรรษ สามารถควบคุมได้โดยตรงมากขึ้น เพื่อความคล่องตัวในการตัดสินใจ และการบริหารงาน ซึ่งเป็นความพยายามที่จะเพิ่มผลกำไรและราคาหุ้น
แหล่งข่าว ระบุว่า ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินได้อธิบายการเปลี่ยนแปลงและสร้างความมั่นใจให้กับทีมว่า การยกเครื่องจะช่วยลดระบบราชการและจัดลำดับความสำคัญของกิจกรรมการทำกำไร
ซิตี้กรุ๊ปยังคงจัดการกับคำสั่งยินยอมในปี 2563 โดยหน่วยงานกำกับดูแลเรียกร้องให้แก้ไขข้อบกพร่องที่มีมายาวนานหลายประการในการควบคุมภายใน บริษัทกล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันพุธ (14 ก.ย.) ว่า “การลดความซับซ้อนขององค์กรจะช่วยให้การดำเนินการเปลี่ยนแปลงของ ซิตี้กรุ๊ปมีความสำคัญสูงสุดของบริษัท”
ทั้งนี้ แหล่งข่าวระบุว่า ซิตี้กรุ๊ปได้ลงทุนอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาในระบบเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มการควบคุมความเสี่ยงและการปฏิบัติตามคำสั่งเพื่อขอความยินยอม แต่บริษัทยังคงจ้างพนักงานจำนวนมากที่ทับซ้อนกันและระบบเทคโนโลยีที่ซ้ำซ้อน
ทั้งนี้ ภายใต้โครงสร้างใหม่ หัวหน้าธุรกิจหลักทั้ง 5 ของซิตี้กรุ๊ปจะรายงานตรงต่อซีอีโอ ธนาคารจะตัดบทบาทผู้นำระดับภูมิภาคนอกอเมริกาเหนือด้วย โดยมีพนักงาน 240,000 คน ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนพนักงานประมาณ 216,000 คนที่ Bank of America และ 234,000 คนที่ Wells Fargo ซึ่งเป็นผู้ให้กู้รายใหญ่อันดับ 2 และ 4 ของสหรัฐตามลำดับ
ที่มา: รอยเตอร์