บอนด์ยีลด์ระยะสั้น-กลาง สหรัฐฯ ย่อตัว หลังเกิดความขัดแย้งตะวันออกกลาง

บอนด์ยีลด์ระยะสั้น-กลาง สหรัฐฯ ย่อตัว หลังเกิดความขัดแย้งตะวันออกกลาง

ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (บอนด์ยีลด์) ชนิด 10 ปี ปรับตัวลงมากถึง 0.18% ไปอยู่ที่ 4.62% ขณะที่ บอนด์ยีลด์ชนิด 2 ปีสหรัฐฯ ก็ปรับตัวลดลงราว 0.16% ไปอยู่ที่ 4.93% อานิสงส์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง และความคิดเห็นแบบพิราบของเฟด

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานวันนี้ (10 ต.ค.66) ว่า “ราคาพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ” ปรับตัวสูงขึ้นนับตั้งแต่เดือนมี.ค. หลังจากที่เจ้าหน้าที่จากธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) แสดงความเห็นเชิงพิราบ (Dovish) เกี่ยวกับนโยบายทางการเงิน และความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-ปาเลสไตน์ จึงนำไปสู่กระแสเงินที่ไหลเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัยในสหรัฐฯ

โดยผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (บอนด์ยีลด์) ชนิด 10 ปี ปรับตัวลงมากถึง 0.18% ไปอยู่ที่ 4.62% ในช่วงการเปิดตลาดหลังจากวันหยุดยาวในสหรัฐฯ ขณะที่ บอนด์ยีลด์ชนิด 2 ปีสหรัฐฯ ก็ปรับตัวลดลงราว 0.16% ไปอยู่ที่ 4.93% เนื่องจากนักลงทุนเดิมพันว่า เฟดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ระดับเดิมอีกระยะหนึ่ง

ทั้งนี้ บทวิเคราะห์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ระบุว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มขึ้นในช่วงเดือนที่ผ่านมา รวมทั้งการขยายวงกว้างของความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล และฮามาส ทำให้ผู้ค้ากล้าที่จะเดิมพันว่า วงจรที่เข้มงวดที่สุดของเฟดนับตั้งแต่ทศวรรษ 1980 อาจจบลงแล้ว โดยนักลงทุนมั่นใจมากยิ่งขึ้นว่า เฟดจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมอื่นๆ จนถึงกลางปี ​​2024

ขณะที่ ฟิลิป เจฟเฟอร์สัน​ (Philip Jefferson) รองประธานเฟด กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า เขาจะ “ยังคงตระหนักถึงสภาวะทางการเงินที่ตึงตัวขึ้นผ่านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้น” ในการประเมินเส้นทางนโยบายในอนาคต

ส่วน ลอรี โลแกน (Lorie Logan) เจ้าหน้าที่ของเฟด กล่าวว่า การเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลในระยะยาวอาจบ่งชี้ถึงความจำเป็นที่เฟดจำเป็นต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งน้อยลง

“ด้วยเหตุการณ์ที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็วในตะวันออกกลาง และการขายพันธบัตรเมื่อเร็วๆ นี้ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนระยะยาวแตะระดับสูงสุดในรอบหลายทศวรรษใหม่ ดังนั้น ผู้กำหนดนโยบายจะไม่เต็มใจที่จะขึ้นราคา” อัลเธีย สปินอซซี่ (Althea Spinozzi) นักยุทธศาสตร์ตราสารหนี้อาวุโสของ Saxo Bank A/S เขียน ในบันทึกการวิจัย

ที่มา: บลูมเบิร์ก